ประเทศต้นแบบ เรื่องเมืองสะอาด: วิธีจัดการขยะของ 6 ประเทศที่ควรเรียนรู้

ประเทศต้นแบบ เรื่องเมืองสะอาด: วิธีจัดการขยะของ 6 ประเทศที่ควรเรียนรู้

หลายประเทศทั่วโลกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากสังคมมีระบบจัดการขยะที่เข้มแข็ง ประชาชนให้ความร่วมมือ และรัฐสนับสนุนอย่างจริงจัง เมืองที่สะอาดและยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เพียงแนวคิดบนกระดาษเท่านั้น การจัดการขยะจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของเมือง รุ่นต่อรุ่น ในบทความนี้ Bygge ขอพาทุกคนเดินทางไปดูตัวอย่างของ 6 ประเทศต้นแบบ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบจัดการขยะดีที่สุดในโลก เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขาทำอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ในบริบทของไทย


🇯🇵 ญี่ปุ่น

ประเทศต้นแบบ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชมเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดเจนผ่านระบบจัดการขยะของประเทศ พวกเขามีกฎหมายแยกประเภทขยะอย่างเคร่งครัดและชัดเจน การทิ้งขยะผิดประเภทอาจนำไปสู่การถูกจับหรือถูกปรับ ทำให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการแยกขยะตั้งแต่ในครัวเรือน นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีโรงงานขยะขนาดใหญ่ที่นำขยะมาเผาผ่านระบบกรองมลพิษที่มีมาตรฐานสูง ขยะที่ถูกเผาไม่ได้สูญเปล่า เพราะสามารถนำพลังงานความร้อนนั้นมาผลิตเป็นไฟฟ้าให้กับพื้นที่รอบข้าง ขณะที่เถ้าที่เหลือจากการเผายังสามารถนำไปใช้ผลิตอิฐบล็อกหรือใช้ในการถมทะเลเพื่อพัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะ ทำให้ขยะถูกกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

🇸🇪 สวีเดน

ประเทศต้นแบบ

สวีเดนเป็นประเทศที่ทำให้โลกเห็นว่าขยะสามารถมี “มูลค่า” ได้อย่างแท้จริง ประเทศนี้มีระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพสูงจนทำให้ขยะจากครัวเรือนเกือบทั้งหมดถูกนำกลับไปใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิลหรือการนำไปทำปุ๋ยหมัก มากกว่าครึ่งหนึ่งของขยะทั้งหมดถูกนำไปผลิตเป็นพลังงานความร้อนสำหรับทำความร้อนให้บ้านเรือนในช่วงฤดูหนาว ส่วนขยะฝังกลบนั้นมีเพียง 0.08% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากจนสวีเดนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตพลังงาน ความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือของประชาชนที่ช่วยกันแยกขยะอย่างจริงจังด้วยระบบถุงสีต่าง ๆ ที่ชัดเจนและง่ายต่อการปฏิบัติตาม

🇳🇱 เนเธอร์แลนด์

ประเทศต้นแบบ

ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการขยะที่เข้มแข็ง โดยมีอัตราการรีไซเคิลสูงกว่า 80% ระบบการจัดการขยะของเนเธอร์แลนด์เริ่มต้นตั้งแต่หน้าบ้านของประชาชน ผ่านระบบ “Door to Door” ที่กำหนดวันเก็บขยะแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่น วันเก็บขยะทั่วไป ขยะกระดาษ หรือขยะพลาสติก โดยพลาสติกบางประเภทประชาชนยังสามารถนำไปแลกเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตได้อีกด้วย ขยะเศษอาหารจากครัวเรือนจำนวนมากถูกนำไปผลิตพลังงานชีวภาพ ขณะที่ขยะพลาสติกบางส่วนถูกนำไปใช้สร้างเลนจักรยานในเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาพัฒนาพื้นที่เมืองอย่างสร้างสรรค์

🇩🇪 เยอรมนี

ประเทศต้นแบบ

เยอรมนีเป็นประเทศที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำด้านรีไซเคิลของยุโรป โดยมีตัวเลขชัดเจนว่า 64% ของขยะทั้งหมดในประเทศถูกนำไปรีไซเคิลหรือทำปุ๋ยหมัก อีก 35% ถูกใช้ทำพลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้าหรือความร้อน และมีเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นขยะฝังกลบ ประชาชนชาวเยอรมันมีวัฒนธรรมการใช้ถุงผ้าและการคืนขวดพลาสติกเพื่อรับเงินค่ามัดจำ ซึ่งนอกจากช่วยลดขยะแล้ว ยังเป็นแรงจูงใจที่ดีในการนำขวดกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้รัฐบาลเยอรมนียังมีกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบต่อขยะที่ตนสร้างขึ้น ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรต้องมีระบบจัดการขยะที่มีมาตรฐานเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมาย

🇦🇹 ออสเตรีย

ประเทศต้นแบบออสเตรีย

ออสเตรียเองก็เป็นประเทศที่มีระบบจัดการขยะที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยประชาชนถูกปลูกฝังเรื่องการแยกขยะตั้งแต่ในวัยเด็ก ทำให้การแยกขยะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน เมืองของออสเตรียจึงสะอาด น่าอยู่ และเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าขยะ Spittelau ในกรุงเวียนนา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผสานเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับงานสถาปัตยกรรม เนื่องจากโรงงานได้รับการออกแบบให้สวยงามและกลมกลืนกับเมือง แม้จะทำหน้าที่กำจัดขยะ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองที่ผู้คนยอมรับและภาคภูมิใจ โรงงานนี้สามารถแปลงขยะให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบพลังงานให้ประชาชนจำนวนมากในเมืองหลวง

🇰🇷 เกาหลีใต้

ประเทศเกาหลีใต้

เกาหลีใต้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของประเทศที่ใช้เทคโนโลยีมาจัดการปัญหาขยะอาหารอย่างจริงจัง โดยมีระบบถังขยะอัจฉริยะที่ให้ประชาชนชั่งน้ำหนักขยะอาหารก่อนทิ้ง และจ่ายค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักที่ทิ้ง ทำให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องปริมาณขยะอาหารมากขึ้น ข้อมูลจากสภาเศรษฐกิจโลกเผยว่าระบบนี้ช่วยลดขยะอาหารได้มากถึง 47,000 ตัน ภายในเวลาเพียงหกปี ช่วยลดภาระของเทศบาลและระบบจัดการขยะปลายน้ำอย่างเห็นผล


เมื่อมองภาพรวมของ “ประเทศต้นแบบ” เหล่านี้ จะเห็นว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งต่างตระหนักว่าขยะคือทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ หากมีระบบจัดการที่ดีและชัดเจน เมืองก็จะสะอาดและยั่งยืนในระยะยาว

จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ Bygge เชื่อมั่นว่าความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ “การจัดการขยะที่บ้าน” ซึ่งเป็นต้นทางสำคัญที่สุด เพราะหากทุกครัวเรือนสามารถลดปริมาณขยะ หรือนำขยะบางส่วนกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เมืองโดยรวมก็จะสะอาดขึ้น และภาระของระบบจัดการขยะปลายน้ำก็จะลดลงอย่างมหาศาล นั่นคือเหตุผลที่ Bygge พัฒนานวัตกรรมเครื่องกำจัดเศษอาหาร Bygge Super Composter เพื่อช่วยให้ครัวเรือนและองค์กรจัดการขยะอาหารได้ง่ายขึ้น ลดกลิ่น ลดปริมาณ และนำกลับไปสู่การเป็นดินดีได้อีกครั้ง เมืองสะอาดเริ่มต้นจากบ้าน และทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ตั้งแต่วันนี้

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *