แยกขยะอย่างไรให้ถูกวิธี เมื่อซื้อข้าวกล่องหรืออาหารเดลิเวอรี?

ทุกวันนี้ “ข้าวกล่อง” และ “อาหารเดลิเวอรี” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเมืองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงระหว่างทำงาน หรือมื้อเย็นที่อยากทานอะไรสะดวก ๆ รวดเร็ว แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความสะดวกเหล่านี้คือ “บรรจุภัณฑ์ใช้ครั้งเดียว” ซึ่งถ้าเราไม่ แยกขยะ และ จัดการให้ถูกวิธี ของที่สามารถรีไซเคิลได้ก็อาจต้องกลายเป็นขยะทั่วไปโดยเปล่าประโยชน์ และเพิ่มภาระให้กับสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว

ในความเป็นจริง การแยกขยะจากอาหารเดลิเวอรีไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเราเข้าใจหลักการเล็ก ๆ และใส่ใจในรายละเอียดเพียงนิดเดียว 👇

แยกขยะ
1. กล่องอาหารพลาสติก
กล่องพลาสติกส่วนใหญ่สามารถรีไซเคิลได้ แต่ปัญหาหลักคือ “คราบน้ำมัน” และ “เศษอาหาร” ที่ติดอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้กระบวนการรีไซเคิลทำได้ยากขึ้นหรือไม่ได้เลย พลาสติกที่สกปรกจะทำให้คุณภาพของวัสดุรีไซเคิลลดลง และกลายเป็นขยะทั่วไปในที่สุด หากเป็นกล่องที่สามารถล้างได้ง่าย เช่น กล่องใส่อาหารแห้ง หรือไม่มันมาก แนะนำให้ล้างทำความสะอาดและตากให้แห้งก่อนแยกลงถังรีไซเคิล แต่หากเป็นกล่องที่มีคราบน้ำมันหนา หรือพลาสติกเคลือบฟอยล์ที่ล้างไม่ออก ควรทิ้งรวมกับขยะทั่วไปแทน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ

แยกขยะ2. อุปกรณ์พลาสติก (ช้อน ส้อม หลอด)

แม้อุปกรณ์เหล่านี้จะมีขนาดเล็ก แต่หากรวมกันหลายชิ้นก็กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาลได้เช่นกัน หากอุปกรณ์พลาสติกยังอยู่ในสภาพดีและสามารถล้างให้สะอาด ควรแยกไว้ในถังรีไซเคิล เพราะสามารถนำไปหลอมใช้ใหม่ได้ แต่หากช้อนหรือหลอดนั้นเปื้อนมาก แตกหัก หรือมีขนาดเล็กจนไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้จริง ก็ควรทิ้งในถังขยะทั่วไป และในระยะยาว เราอาจเริ่มจากการ “ปฏิเสธ” อุปกรณ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยพกช้อนส้อมส่วนตัวแทน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดขยะได้อย่างยั่งยืน

แยกขยะ

3. เศษอาหาร

เศษอาหารคือหนึ่งในขยะที่มีปริมาณมากที่สุดในแต่ละวัน และหลายครั้งมักถูกทิ้งรวมไปกับขยะทั่วไป ทั้งที่จริงแล้วมันสามารถถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยหมัก หรือการนำไปผลิตพลังงานชีวภาพ หากจัดเก็บแยกไว้ตั้งแต่ต้นทางก็จะช่วยลดภาระของระบบจัดการขยะลงได้อย่างมหาศาล

ในบ้านของเราเองก็สามารถเริ่มได้ง่าย ๆ เช่น แยกขยะ เศษอาหารออกจากบรรจุภัณฑ์ก่อนทิ้ง หรือใช้เทคโนโลยีที่ช่วยจัดการได้สะดวกขึ้น เช่น Bygge Super Composter เครื่องย่อยเศษอาหารอัจฉริยะที่เปลี่ยนของเหลือจากมื้ออาหารให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพสูงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ดินที่ได้ยังสามารถนำไปปลูกต้นไม้ หรือปรับสภาพดินในสวนได้จริง เรียกได้ว่าขยะจากมื้ออาหารกลายเป็นทรัพยากรใหม่ให้ธรรมชาติได้หมุนเวียนอีกครั้ง


เพียงแค่ใส่ใจขั้นตอนเล็ก ๆ อย่างการ ล้าง แยก และจัดการอย่างถูกวิธี ข้าวกล่องหนึ่งมื้อก็สามารถเป็น “มื้อแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อทุกบ้านร่วมมือกันทำ แม้เพียงวันละนิด โลกของเราก็จะสะอาดขึ้นทีละก้าว — และทุกมื้อที่เราทาน จะไม่เหลือเพียงขยะ แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนจริง ๆ

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

 

จุลินทรีย์: ผู้ช่วยตัวจริงที่อยู่รอบตัวเรา

จุลินทรีย์: ผู้ช่วยตัวจริงที่อยู่รอบตัวเรา

เวลาเราพูดถึงคำว่า “จุลินทรีย์” หลายคนอาจนึกถึงสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า บางคนอาจรู้สึกว่าเป็นสิ่งสกปรกหรือเป็นเชื้อโรค แต่ความจริงแล้ว จุลินทรีย์ไม่ได้มีแค่ด้านร้าย เพราะพวกมันคือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีบทบาทสำคัญในทุกระบบของโลก ตั้งแต่ในดิน ในน้ำ ในอากาศ ไปจนถึงในร่างกายของเราเอง

จุลินทรีย์คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

จุลินทรีย์ (Microorganisms) คือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากจนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์จึงจะมองเห็นได้ ประกอบไปด้วยหลากหลายกลุ่ม เช่น แบคทีเรีย รา โปรโตซัว และสาหร่ายขนาดเล็ก สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีอยู่ทุกที่บนโลกและเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนระบบนิเวศให้สมดุล

ลองนึกภาพว่าหากวันหนึ่งบนโลกนี้ไม่มีจุลินทรีย์เลย — ซากพืช ซากสัตว์ และของเสียต่าง ๆ จะไม่ถูกย่อยสลาย โลกจะเต็มไปด้วยกองขยะอินทรีย์ที่ไม่สามารถหายไปได้ และสารอาหารในธรรมชาติก็จะไม่ถูกหมุนเวียนกลับคืนสู่ดินอีกต่อไป วงจรชีวิตในธรรมชาติจึงจะหยุดชะงัก เพราะจุลินทรีย์คือ “ผู้จัดการระบบนิเวศ” ตัวจริงที่ทำให้โลกยังคงดำเนินต่อไปได้

จุลินทรีย์กับอาหาร: เบื้องหลังรสชาติและสุขภาพ

แม้เราจะมองไม่เห็น แต่จุลินทรีย์อยู่เบื้องหลังอาหารหลายอย่างที่เราคุ้นเคยในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ มิโสะ ไปจนถึงซอสถั่วเหลือง ล้วนต้องอาศัยจุลินทรีย์ในกระบวนการหมัก (Fermentation) เพื่อสร้างรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสเฉพาะตัว

นอกจากเพิ่มความอร่อยแล้ว จุลินทรีย์เหล่านี้ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เช่น ช่วยปรับสมดุลลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ดังนั้น ครั้งหน้าที่คุณหยิบโยเกิร์ตสักถ้วยขึ้นมา ลองนึกถึง “เพื่อนตัวจิ๋ว” เหล่านี้ที่ทำงานอยู่เบื้องหลังสิ

จุลินทรีย์กับสิ่งแวดล้อม: ผู้ช่วยฟื้นคืนพลังให้โลก

จุลินทรีย์ไม่ได้มีดีแค่ในอาหาร แต่ยังมีบทบาทยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในกระบวนการย่อยสลายเศษอินทรีย์ เมื่อเศษอาหาร ใบไม้ หรือซากพืชถูกทิ้งลงในดิน จุลินทรีย์จะเริ่มทำงานทันที เพื่อเปลี่ยนของเหล่านี้ให้กลายเป็นสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพืช

หากไม่มีจุลินทรีย์ โลกของเราจะกลายเป็นที่สะสมของขยะอินทรีย์จำนวนมหาศาล แต่เพราะมีจุลินทรีย์เป็น “ทีมรีไซเคิลธรรมชาติ” จึงทำให้สิ่งที่เรามองว่าเป็นของเสีย กลับกลายเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าได้อีกครั้ง


ในปัจจุบัน จุลินทรีย์ถูกนำมาประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่การผลิตยา การทำเกษตรอินทรีย์ ไปจนถึงการจัดการขยะอย่างยั่งยืน หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นภาพชัดคือ Bygge SuperBact — ผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์คุณภาพสูงที่คัดสรรมาเฉพาะสำหรับการย่อยเศษอาหาร

SuperBact ช่วยเร่งกระบวนการย่อยสลายเศษอาหารในครัวเรือนให้เร็วขึ้นหลายเท่า เปลี่ยนขยะที่เคยส่งกลิ่นหรือสร้างมลพิษให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพดีภายในเวลาไม่นาน ดินที่ได้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่พืชต้องการ ช่วยให้ต้นไม้แข็งแรง โตไว และมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นตามธรรมชาติ

จุลินทรีย์ SuperBact

แม้จุลินทรีย์จะเล็กจนมองไม่เห็น แต่บทบาทของมันกลับยิ่งใหญ่และครอบคลุมทุกมิติของชีวิต ตั้งแต่การทำให้อาหารอร่อย การดูแลสุขภาพของเรา ไปจนถึงการรักษาสมดุลของระบบนิเวศโลก การเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับจุลินทรีย์อย่างเข้าใจและนำพลังของมันมาใช้ในทางที่ถูกต้อง ไม่เพียงช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น แต่ยังเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

📌 อ่านบทความน่ารู้เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ไอเดียแต่งบ้านรักษ์โลก: เปลี่ยนบ้านให้สวยและยั่งยืนแบบมีสไตล์

5 ไอเดียแต่งบ้านรักษ์โลก: เปลี่ยนบ้านให้สวยและยั่งยืนแบบมีสไตล์

ในยุคที่ผู้คนหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การตกแต่งบ้านไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามหรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์อีกต่อไป แต่ยังสะท้อนวิถีชีวิตที่ใส่ใจความยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมได้อย่างชัดเจน ของตกแต่งบ้านที่เลือกใช้วัสดุธรรมชาติ วัสดุรีไซเคิล หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับโลก ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น น่าอยู่ และเต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับบ้านของเรา

ไม่ว่าคุณจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยน เฟอร์นิเจอร์ หรือของตกแต่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้จริง การนำแนวคิดรักษ์โลกมาประยุกต์ใช้ในบ้านช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะใช้ทรัพยากรอย่างมีสติ สร้างความคุ้มค่า และยังส่งต่อไลฟ์สไตล์ยั่งยืนให้กับสมาชิกในครอบครัวได้อีกด้วย ลองมาดู 5 ไอเดียแต่งบ้านรักษ์โลก ที่สามารถนำไปปรับใช้จริง ทำให้บ้านของคุณสวยและเป็นมิตรต่อโลกไปพร้อม ๆ กัน

แต่งบ้านรักษ์โลกด้วยต้นไม้ฟอกอากาศในบ้าน

1. ต้นไม้ฟอกอากาศ

ต้นไม้ไม่ใช่เพียงแค่ของตกแต่งที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้มุมบ้าน แต่ยังเป็น “เครื่องฟอกอากาศธรรมชาติ” ที่สามารถช่วยลดฝุ่นละอองและสารเคมีที่ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้บ้านของคุณเป็นพื้นที่ที่ทั้งสวยงามและปลอดภัยต่อสุขภาพ ต้นไม้ยอดนิยมที่คนมักปลูก เช่น

  • เดหลี (Peace Lily) ช่วยดูดซับสารพิษในอากาศ เช่น เบนซีน และฟอร์มาลดีไฮด์ เหมาะกับการวางในห้องนอนหรือห้องนั่งเล่น
  • ลิ้นมังกร (Snake Plant) ปล่อยออกซิเจนในเวลากลางคืน จึงเหมาะสำหรับห้องนอน ช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น
  • พลูด่าง (Pothos) ปลูกง่าย โตเร็ว ทนต่อแสงน้อย ทำให้ห้องมุมอับมีชีวิตชีวา
  • ยางอินเดีย (Ficus elastica) ใบหนาเงางาม ไม่เพียงเพิ่มความสวยงาม แต่ยังช่วยดูดซับสารพิษและฟอร์มาลดีไฮด์

การจัดวางต้นไม้ฟอกอากาศให้เหมาะสมกับแต่ละมุมบ้าน นอกจากช่วยฟอกอากาศแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและผ่อนคลาย เพิ่มความสดชื่นให้ทุกครั้งที่มองเห็นและสัมผัส

 

แต่งบ้านรักษ์โลกด้วยผ้าม่านจากเส้นใยธรรมชาติ

2. ผ้าม่านจากเส้นใยธรรมชาติ

ผ้าม่านเป็นหนึ่งในของตกแต่งบ้านที่ส่งผลต่อบรรยากาศโดยรวมอย่างมาก การเลือกผ้าม่านที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ฝ้ายออร์แกนิก ลินิน ป่าน หรือผ้าไหม นอกจากจะช่วยให้บ้านดูอบอุ่นและหรูหรา ยังมีข้อดีหลายอย่างต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

  • การผลิตผ้าม่านจากเส้นใยธรรมชาติต้องใช้สารเคมีและพลังงานน้อยกว่าผ้าใยสังเคราะห์ จึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
  • เนื้อผ้าระบายอากาศได้ดี ให้สัมผัสนุ่มสบาย ทำให้บรรยากาศในห้องดูโปร่งโล่ง
  • มีความทนทานต่อการใช้งาน และสามารถใช้งานได้นานโดยไม่เสียรูปหรือสีซีดเร็ว

ผ้าม่านธรรมชาติยังสามารถปรับโทนแสงเข้าห้อง ช่วยกรองแสงแดดบางส่วน และทำให้ห้องมีความอบอุ่นและสบายตา การเลือกโทนสีและลวดลายที่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ช่วยเพิ่มสไตล์และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับบ้านได้อย่างลงตัว

แต่งบ้านรักษ์โลกด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้

3. เฟอร์นิเจอร์ไม้ยั่งยืน

เฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นตัวเลือกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น คลาสสิก และเข้ากับบ้านได้หลากหลายสไตล์ แต่การเลือกไม้ที่มี การรับรองความยั่งยืน เช่น FSC หรือ PEFC จะช่วยยืนยันได้ว่าไม้มาจากแหล่งที่มีการจัดการป่าอย่างรับผิดชอบ

  • ไม้สัก ให้ความหรูหรา แข็งแรง และทนทานต่อกาลเวลา
  • ไม้ยางพารา ราคาย่อมเยาและเป็นมิตรต่อผู้เริ่มต้นตกแต่งบ้าน
  • ไม้ไผ่ เป็นวัสดุที่โตเร็ว สามารถปลูกทดแทนได้ง่าย ถือเป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง

เฟอร์นิเจอร์ไม้ยั่งยืนไม่เพียงสร้างความสวยงามให้บ้าน แต่ยังมีอายุการใช้งานยาวนาน ทำให้คุณสามารถใช้ได้นานโดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ และยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อเทียบกับการเลือกวัสดุที่ไม่ยั่งยืน

แต่งบ้านรักษ์โลกด้วยวัสดุรีไซเคิล

4. ของแต่งบ้านจากวัสดุรีไซเคิล/อัปไซเคิล

การนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างเป็นของแต่งบ้านใหม่ ถือเป็นวิธีที่ทั้งสร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อโลก เช่น การทำ ตะกร้า แจกัน หรือเฟอร์นิเจอร์ จากไม้เก่า เหล็ก หรือผ้าเหลือใช้

  • รีไซเคิลและอัปไซเคิล ช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องทิ้งและประหยัดทรัพยากร
  • ของแต่งบ้านที่ได้มักมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเรื่องราวซ่อนอยู่ ทำให้บ้านดูไม่ซ้ำใคร
  • ยังเป็นการสนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และการทำงานแบบคราฟต์ ช่วยให้เกิดการออกแบบที่ยั่งยืน

ไอเดียเหล่านี้ไม่เพียงช่วยประหยัดทรัพยากร แต่ยังทำให้บ้านมีสไตล์และบ่งบอกถึงความใส่ใจสิ่งแวดล้อมของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน

แต่งบ้านรักษ์โลกด้วยของตกแต่งบ้านงาน Handmade

5. ของตกแต่งบ้าน Handmade

งานแฮนด์เมดเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยนำ ศิลปะและฝีมือของช่างท้องถิ่น มาเติมเต็มบ้าน เช่น

  • ตะกร้าสานและหมวกจากหวายหรือไม้ไผ่
  • ผ้าทอมือและเครื่องประดับ
  • เซรามิกอย่างแจกันหรือถ้วยชาม

การเลือกใช้ของตกแต่ง Handmade ทำให้ทุกมุมของบ้านมีความอบอุ่น มีความเป็นเอกลักษณ์ และสะท้อนตัวตนของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน บ้านที่เต็มไปด้วยของ Handmade จึงไม่ใช่แค่บ้านที่สวย แต่เป็นบ้านที่มีชีวิตชีวา มีความหมาย และยังเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนต่อโลก ช่วยให้ผู้อยู่อาศัยและผู้มาเยือนสัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมและศิลปวัฒนธรรมในทุก ๆ รายละเอียด


จากไอเดียเหล่านี้ เราจะเห็นได้ชัดว่าการแต่งบ้านอย่างยั่งยืนไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความสวยงามหรือความน่าอยู่ของบ้านเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงการใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราในทุกมิติ การเลือกต้นไม้ที่ฟอกอากาศได้ดี ไม่เพียงแต่ช่วยเติมความสดชื่นและสีเขียวให้กับมุมต่าง ๆ ของบ้าน แต่ยังทำหน้าที่เป็นตัวกรองสารพิษ ลดฝุ่นละออง และสร้างบรรยากาศที่สดชื่นภายในบ้านได้อย่างเป็นธรรมชาติ

ในขณะเดียวกัน การเลือกผ้าม่านจากเส้นใยธรรมชาติหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ฝ้ายออร์แกนิก ลินิน หรือผ้าไหม ไม่เพียงแต่ช่วยลดการใช้สารเคมีและพลังงานในการผลิต แต่ยังทำให้บ้านของคุณอบอุ่นและนุ่มนวลเมื่อมองและสัมผัส รวมถึงมีความทนทาน สามารถใช้งานได้นานโดยไม่เสียรูปหรือสีซีดเร็ว

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ไม้ยั่งยืนที่มาจากแหล่งที่มีการจัดการป่าอย่างรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นไม้สัก ไม้ยางพารา หรือไม้ไผ่ นอกจากจะช่วยลดผลกระทบต่อทรัพยากรป่าไม้แล้ว ยังเพิ่มมิติความอบอุ่น คลาสสิก และสไตล์ที่เหนือกาลเวลาให้กับบ้านอีกด้วย เฟอร์นิเจอร์เหล่านี้มีอายุการใช้งานยาวนาน สามารถคงคุณค่าและความสวยงามได้หลายปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนใหม่บ่อย ๆ ซึ่งช่วยลดการสร้างขยะและลดภาระต่อโลกอย่างเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ การนำวัสดุเหลือใช้มาสร้างสรรค์เป็นของตกแต่งบ้าน หรือเลือกซื้อสินค้าที่ทำจากงาน Handmade ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้บ้านของคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ขณะเดียวกันก็สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น ลดการใช้พลังงานจากการผลิตในโรงงานขนาดใหญ่ และช่วยลดการขนส่งข้ามประเทศ การเลือกของตกแต่งแบบนี้จึงเป็นการรวมเอาความสวยงาม ความคิดสร้างสรรค์ และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน

ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การแต่งบ้านอย่างยั่งยืนเป็นเรื่องที่ครอบคลุมตั้งแต่การเลือกวัสดุ การจัดวางมุมต่าง ๆ ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศภายในบ้าน ทุกการตัดสินใจเล็ก ๆ ที่เราเลือกใช้ของตกแต่งที่เป็นมิตรต่อโลก ล้วนเป็นการลดการใช้ทรัพยากรเกินจำเป็น ลดขยะ และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมในระยะยาว บ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ผ้าม่านและเฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติ หรือของตกแต่งที่รีไซเคิลและ Handmade ไม่เพียงแต่สร้างความสุขและความสวยงามให้กับผู้ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความใส่ใจและความรับผิดชอบต่อโลกที่เราอาศัยอยู่🌿✨

รวมเหล่าเซเลบตัวท็อปสายรักษ์โลก

เมื่อพูดถึงไลฟ์สไตล์รักษ์โลก หลายคนอาจนึกถึงนักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อม แต่รู้ไหมว่าเหล่าคนดังระดับโลกก็เป็นอีกแรงสำคัญที่ผลักดันกระแสนี้เช่นกัน พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อภาพลักษณ์หรือชื่อเสียง แต่เพราะอยากสร้างอนาคตที่ดีกว่าเดิมให้กับโลกใบนี้

วันนี้ Bygge จะพาไปส่องเซเลบตัวท็อปที่อินกับ Sustainability และใช้ชื่อเสียงของตัวเองเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนนับล้านทั่วโลก

1. Leonardo DiCaprio

Leonardo DiCaprio Foundation | Benefit Auction | Sotheby's

หลายคนอาจรู้จัก Leonardo DiCaprio ในฐานะนักแสดงฮอลลีวูดระดับตำนาน แต่สิ่งที่ทำให้เขาโดดเด่นไม่แพ้กันคือการเป็นหนึ่งใน นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมที่ทรงพลังที่สุดของโลก

  • ปี 1998 เขาก่อตั้ง Leonardo DiCaprio Foundation เพื่อมุ่งเน้นการฟื้นฟูระบบนิเวศและแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศ

  • บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนองค์กรและโครงการด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลก

  • ได้รับเกียรติให้ทำหน้าที่เป็น ตัวแทนพิเศษของสหประชาชาติ (UN) ในประเด็น Climate Change

 

2. Emma Watson

At 30, Emma Watson Is Hollywood's Queen of Ethical Dressing | Vogue

นอกจากบทบาทการแสดงที่น่าจดจำ Emma Watson ยังเป็นหนึ่งในคนดังที่ใช้เสียงของตัวเองผลักดันวงการแฟชั่นให้ก้าวไปสู่ความยั่งยืน

  • ทุกชุดที่เธอสวมบนพรมแดง ล้วนทำจาก วัสดุรักษ์โลกและผ่านการผลิตอย่างมีจริยธรรม

  • เธอมักใช้โอกาสสำคัญในการ โปรโมท Sustainable Fashion ควบคู่ไปกับผลงานการแสดง

  • Emma ส่งเสริมให้แฟนคลับและผู้ติดตามหันมาเลือก แต่งตัวอย่างมีจริยธรรมอยู่เสมอ

 

3. Angelina Jolie

Angelina Jolie's Reveals Sustainable Fashion Venture – One Green Planet

Angelina Jolie ไม่ได้เป็นเพียงนักแสดงระดับโลก แต่ยังเป็นผู้หญิงที่ยืนหยัดเพื่อสิ่งแวดล้อมและสังคม

  • ก่อตั้ง Atelier Jolie แบรนด์แฟชั่นที่เน้นความยั่งยืน ไม่ผลิตเสื้อผ้าแบบ mass production

  • ผลักดันแนวคิดแฟชั่นอย่างมีสติ ที่ให้คุณค่ากับงานฝีมือและการสร้างสรรค์

  • ทำงานด้านมนุษยธรรมกับ UNHCR ตั้งแต่ปี 2001 สนับสนุนและช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมากว่า 20 ปี

 

4. Alicia Silverstone

Alicia Silverstone's Sustainable Home Garden Is a Vegan Food Paradise | VegNews

Alicia Silverstone นักแสดงที่โด่งดังจากเรื่อง Clueless ใช้ชีวิตแบบใส่ใจโลกและสุขภาพ พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่

  • ผันตัวเป็นมังสวิรัติเต็มตัวตั้งแต่ปี 1998 และเขียนหนังสือทำอาหารมังสวิรัติไปแล้ว 2 เล่ม
  • อาศัยอยู่ในบ้านที่ใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมในชีวิตประจำวัน
  • เคยเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางออร์แกนิก แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับผู้คนและโลก

 

5. Prince William

New Prince William Pictures Caught My Eye - PureWow

Prince William ใช้บทบาทของตัวเองไม่เพียงแค่ในราชสำนัก แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสนับสนุนโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม เพื่อสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป เขาสนับสนุนมูลนิธิ Earthshot Prize ซึ่งมอบรางวัลแก่โครงการสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืน ตั้งแต่แบตเตอรี่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทางเลือกใหม่แทนพลาสติก ไปจนถึงเตาประหยัดพลังงาน

จากไลฟ์สไตล์รักษ์โลกของเหล่าเซเลบเหล่านี้ เราได้เห็นว่าการใช้ชีวิตอย่างใส่ใจโลกไม่ใช่เรื่องยาก  ไม่ว่าจะเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ หรือแนวคิดใหม่ ๆ ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ในแบบของเราเอง ลองนำไอเดียเหล่านี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน แล้วมาร่วมเปลี่ยนโลกไปด้วยกัน!

“Underconsumption Core” เทรนด์มาแรงจาก TikTok

Underconsumption Core on TikTokหากคุณเลื่อน TikTok ช่วงนี้ อาจเคยเจอคำว่า “Underconsumption Core” โผล่มาในฟีดบ้างแล้ว เทรนด์นี้กำลังถูกพูดถึงในหมู่ Gen Z อย่างกว้างขวาง เพราะมันสะท้อนวิธีคิดใหม่ ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต การบริโภค และความยั่งยืน

Underconsumption Core คืออะไร?

แนวคิดนี้เรียบง่ายแต่ทรงพลัง — “ซื้อน้อยลง ใช้น้อยลง แต่ใช้ให้คุ้มจริง ๆ” ไม่จำเป็นต้องตามทุกกระแสแฟชั่น ไม่ต้องรีบกดของที่ถูกป้ายยาในโซเชียลทุกวัน แต่เลือกซื้อเฉพาะสิ่งที่ตอบโจทย์ชีวิตจริง ๆ เท่านั้น

ทำไมถึงดังใน TikTok?

เพราะมันตรงใจ Gen Z ที่อยากใช้ชีวิตแบบยั่งยืน ประหยัด และไม่ถูกกดดันจากการบริโภคเกินความจำเป็น คอนเทนต์ที่เล่าเรื่องง่าย ๆ และ relatable ทำให้คนหันมาแชร์ประสบการณ์และไอเดียกันมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้ชีวิตแบบ Underconsumption Core

👕 เสื้อผ้า

เสื้อผ้าเก่าที่นอนอยู่ในตู้ สามารถหยิบมามิกซ์แอนด์แมทช์ใหม่ ให้กลายเป็นลุคที่ดูสดใสและทันสมัยได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าเพิ่ม

🛋️ เฟอร์นิเจอร์

โซฟาที่ซีดหรือมีรอยขาด ไม่จำเป็นต้องทิ้งหรือตามหาใหม่เสมอไป ลองซัก ปรับโฉม หรือนำผ้ามาหุ้มใหม่ ก็ช่วยยืดอายุการใช้งานและสร้างบรรยากาศใหม่ให้บ้านได้

💄 ของใช้ประจำวัน

ผลิตภัณฑ์อย่างสกินแคร์ เมคอัพ หรือยาสีฟัน ใช้ให้หมดก่อนซื้อใหม่ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทั้งช่วยประหยัด และลดการบริโภคเกินความจำเป็น

💅 ภาพลักษณ์ส่วนตัว

การเลือกสไตล์ที่เรียบง่าย เช่น ไม่ทำเล็บซ้ำบ่อยเกินไป หรือเลือกสีที่ใช้ได้ยาวนาน จะช่วยประหยัดทั้งเงินและเวลา รวมถึงลดทรัพยากรที่ถูกใช้ไปโดยไม่จำเป็น

จะเห็นได้ว่าแนวคิดนี้มีให้เห็นรอบตัวมากมาย และถ้าเราสามารถนำไปปรับใช้ได้จริง จะช่วยให้ชีวิตประจำวันคุ้มค่าและมีความหมายขึ้น บางครั้ง การ “ไม่ซื้อ” ก็อาจเป็นการเลือกที่คุ้มค่าและยั่งยืนที่สุด ทั้งกับตัวเราเองและโลกใบนี้ก็ได้

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ขยะอาหาร กับ โลกร้อน: ความจริงที่เราอาจมองข้าม

ขยะอาหารกับโลกร้อน: ความจริงที่เราอาจมองข้าม

หลายคนอาจสงสัยว่า ขยะอาหาร ที่เราทิ้งกันทุกวัน มันเกี่ยวอะไรกับโลกร้อน? 🌍 คำตอบคือ…มากกว่าที่เราคิดไว้มากทีเดียว

ขยะอาหาร = โลกร้อน

ขยะอาหาร = ตัวการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ขยะอาหารส่วนใหญ่ที่ถูกทิ้งไปจะถูกนำไปฝังกลบ เมื่อย่อยสลายโดยขาดออกซิเจน ขยะเหล่านี้จะปล่อย ก๊าซมีเทน (Methane) ซึ่งกักเก็บความร้อนได้สูงกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า

ก๊าซมีเทนจัดว่าเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่ทรงพลังที่สุด เมื่อสะสมในชั้นบรรยากาศ ก็จะเร่งให้โลกของเราร้อนขึ้นเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ก่อให้เกิดภาวะอากาศแปรปรวน น้ำท่วม ภัยแล้ง และผลกระทบต่อระบบนิเวศทั่วโลก

อาหารแต่ละจานที่เรากินไม่หมดจึงไม่ใช่แค่เรื่อง “กินทิ้งกินขว้าง” แต่ยังเป็นเรื่องของ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้อง

เราจะช่วยได้อย่างไร?

เราทุกคนมักมองว่าการเปลี่ยนแปลงโลกเป็นเรื่องใหญ่และซับซ้อน แต่ความจริงแล้ว สิ่งเล็ก ๆ รอบตัวเราก็สามารถสร้างความแตกต่างได้อย่างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงขยะอาหารและผลกระทบต่อโลกร้อน การเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัวเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้โดยไม่ยากเย็นนัก

การใส่ใจปริมาณอาหารที่เราตักใส่จานและพยายามทานให้หมดคือหนึ่งในวิธีง่าย ๆ ที่หลายคนมองข้าม การตักพอดีและกินให้หมดไม่เพียงช่วยลดปริมาณอาหารเหลือทิ้ง แต่ยังเป็นการลดขยะตั้งแต่ต้นทาง ซึ่งหมายถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากเศษอาหารที่ถูกทิ้งลงถังขยะ การคิดล่วงหน้าว่าควรตักอาหารเท่าไรให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย จะช่วยให้เราไม่เพียงแต่ประหยัดค่าอาหาร แต่ยังช่วยรักษาสมดุลของโลกในเวลาเดียวกัน

นอกจากการตักอาหารพอดีแล้ว การนำเศษอาหารไปแปรรูปให้เกิดประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ การเปลี่ยนเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ ไม่เพียงช่วยลดขยะในบ้าน แต่ยังคืนคุณค่าให้กับดิน ทำให้ดินมีสารอาหารมากขึ้นและสามารถปลูกต้นไม้หรือพืชผักที่แข็งแรงได้ การกระทำนี้อาจดูเล็กน้อย แต่เมื่อรวมหลาย ๆ ครอบครัวหรือชุมชนเข้าด้วยกัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็จะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

ในยุคปัจจุบัน นวัตกรรมยังเข้ามาช่วยให้การจัดการเศษอาหารง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น Bygge Super Composter ที่สามารถเปลี่ยนเศษอาหารในครัวเรือนให้กลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพสูงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องรอให้ขยะหมักสลายตามธรรมชาติเป็นเดือน ๆ เพียงใช้เครื่องนี้ก็สามารถสร้างวงจรการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืนได้ทันที ทั้งยังช่วยให้ทุกครอบครัวเห็นคุณค่าของสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็น “ขยะ” และเรียนรู้ว่าของเหลือเล็ก ๆ ก็สามารถสร้างประโยชน์ต่อโลกได้

เพียงแค่เริ่มจากพฤติกรรมเล็ก ๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการตักอาหารพอดี การแปรรูปเศษอาหาร หรือการใช้เทคโนโลยีช่วยจัดการขยะ เราก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ต่อสิ่งแวดล้อมได้ โลกของเราจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่า และทุก ๆ การกระทำที่ใส่ใจวันนี้ จะกลายเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

 

SDGs และ 3 เสาหลักของความยั่งยืน

SDGs

เมื่อพูดถึง “ความยั่งยืน” หลายคนอาจนึกถึงการดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก แต่จริง ๆ แล้วความยั่งยืนเป็นแนวคิดที่ครอบคลุมและเชื่อมโยงหลายมิติ ซึ่งถูกถ่ายทอดอย่างชัดเจนผ่าน เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ขององค์การสหประชาชาติ ที่ทั่วโลกใช้เป็นกรอบในการขับเคลื่อนอนาคต

เป้าหมายเหล่านี้สามารถจำแนกออกเป็น 3 เสาหลักสำคัญ คือ สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม แต่เพื่อให้ครอบคลุมทุกแง่มุมอย่างแท้จริง ยังมีอีก 2 มิติที่มาช่วยเชื่อมโยงและเสริมความแข็งแกร่ง ได้แก่ สันติภาพและสถาบัน รวมถึง หุ้นส่วนการพัฒนา

🏥 มิติด้านสังคม (Society):ครอบคลุมเป้าหมายที่ 1-5 เช่น การขจัดความยากจน การลดความเหลื่อมล้ำ ความเท่าเทียมทางเพศ และการเข้าถึงการศึกษาและสุขภาพที่มีคุณภาพ เป้าหมายเหล่านี้ทำให้มนุษย์ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีศักดิ์ศรีและคุณภาพ

💰 มิติด้านเศรษฐกิจ (Economy): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 7-11 เน้นการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน การเข้าถึงพลังงานสะอาด การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เมืองที่น่าอยู่ และการจ้างงานที่มีคุณค่า ทั้งหมดนี้ช่วยให้สังคมขับเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

🌱 มิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environment): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 6 และ 12-15 มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตั้งแต่น้ำสะอาด การใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปกป้องระบบนิเวศบนบกและในทะเล เพื่อรักษาสมดุลให้กับโลกใบนี้

🕊️ มิติด้านสันติภาพและสถาบัน (Peace): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 16 เกี่ยวข้องกับการสร้างสังคมที่สงบสุข ลดความขัดแย้ง เสริมสร้างสถาบันที่เข้มแข็ง ยุติธรรม และโปร่งใส ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน

🤝 มิติด้านหุ้นส่วนการพัฒนา (Partnership): ครอบคลุมเป้าหมายที่ 17 เน้นการร่วมมือกันทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม หรือแม้แต่ตัวเราทุกคน เพื่อให้ทุกเป้าหมายสามารถเกิดขึ้นจริงได้

เมื่อมองภาพรวม จะเห็นว่าทุกมิติและทุกเป้าหมายต่างเชื่อมโยงกันอย่างลึกซึ้ง การบรรลุเป้าหมายหนึ่งอาจส่งเสริมอีกเป้าหมายหนึ่ง และในทางกลับกัน หากขาดความสมดุลในบางด้านก็อาจกระทบต่อเป้าหมายอื่น ๆ ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ทุกการกระทำเล็ก ๆ ในวันนี้ ล้วนเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog