ไลฟ์สไตล์ไหนก็รักษ์โลกได้: ใช้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย Bygge Super Composter

ในโลกที่ความยั่งยืนเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่รักสิ่งแวดล้อม ทำอาหารบ่อย หรือชื่นชอบเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น ทุกคนต่างมองหาวิธีจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ “ขยะเศษอาหาร” ที่เป็นต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย

การกำจัดเศษอาหารอาจเคยเป็นเรื่องยาก แต่วันนี้ Bygge  จะทำให้ทุกไลฟ์สไตล์สามารถก้าวเข้าสู่ชีวิตแบบ Eco Living ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นสายไหน การใช้ชีวิตแบบยั่งยืนก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป


🌍 1. สายรักษ์โลก (Eco Conscious) 

สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การแยกขยะ และการลดรอยเท้าคาร์บอนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่เศษอาหารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และเมื่อถูกนำไปฝังกลบ ก็ปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่แรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายสิบเท่า Bygge Super Composter ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารเหล่านั้นให้กลายเป็นวัสดุคล้ายดินที่สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ในสวน ปลูกผัก หรือแม้แต่ส่งต่อให้ชุมชน ลดขยะปลายทาง และช่วยให้ทุกบ้านมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น


👩‍🍳 2. สายเข้าครัว (Home Cooking Lover)

สำหรับคนที่ชอบทำอาหารเองอยู่บ้าน มักมีเศษอาหารเหลืออยู่ในครัวเป็นประจำ การจัดการเศษอาหารเหล่านี้อาจเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่ด้วย Bygge Super Composter ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวก เครื่องสามารถจัดการเศษอาหารเหล่านี้อย่างรวดเร็วและถูกสุขลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือเศษอาหารที่เหลือจากการทำมื้ออาหาร เครื่องนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือขยะล้นถังอีกต่อไป


🤖 3. สายสมาร์ท (Smart Living) 

ในฝั่งผู้ที่รักเทคโนโลยีและชีวิตสมาร์ท Bygge Super Composter สามารถจัดการเศษอาหารภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงโดยใช้จุลินทรีย์ SuperBact ที่พัฒนามาเฉพาะ ทำให้กระบวนการคอมโพสต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้งานง่ายและไม่ยุ่งยาก เพียงใส่เศษอาหารเข้าไปในเครื่อง ระบบจะจัดการให้เองอย่างอัตโนมัติ มีฟีเจอร์ควบคุมกลิ่น และลดความชื้นของดิน เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับความสะดวกสบาย ทำให้การจัดการขยะกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องเสียแรง ไม่ต้องเสียเวลา และยังลดภาระงานบ้านได้มาก


🏡 4. สายมินิมอล (Minimal Living) – บ้านสะอาด ชีวิตเรียบง่าย แต่ยั่งยืน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและบ้านสะอาดเรียบร้อย Bygge Super Composter มีขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่รกและไม่กินพื้นที่ เหมาะกับบ้านทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นครัวเล็กหรือคอนโดขนาดกะทัดรัด ดีไซน์เรียบง่ายสบายตา ทำให้บ้านของคุณดูสะอาดและเป็นระเบียบ แม้จะมีเครื่องคอมโพสต์อยู่ในบ้านก็ไม่ทำให้บรรยากาศรกหรือเกะกะ


ด้วยฟังก์ชันครบครันและดีไซน์ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ Bygge Super Composter ไม่เพียงช่วยลดขยะและดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ยังทำให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นและมีความสุขมากขึ้น การคอมโพสต์ไม่เคยง่ายและสนุกขนาดนี้มาก่อน ทุกคนสามารถเลือกใช้เครื่องนี้ให้เหมาะกับตัวเองและเริ่มสร้างนิสัยชีวิตที่ยั่งยืนได้ทันที

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ฟองน้ำล้างจาน: ของใช้เล็ก ๆ ที่ซ่อนความเสี่ยงใหญ่ในครัว

เช็คด่วน! ถึงเวลาเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานแล้วหรือยัง?

ฟองน้ำล้างจาน

ฟองน้ำล้างจาน อาจดูเป็นของใช้เล็ก ๆ ที่เราแทบไม่เคยนึกถึง แต่มันคือหนึ่งในแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับต้น ๆ ในครัวโดยที่หลายคนไม่รู้ตัว เพราะฟองน้ำชื้นตลอดเวลาและเต็มไปด้วยเศษอาหารที่ติดอยู่ตามใยฟองน้ำ ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้อย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษ เมื่อใช้ฟองน้ำชิ้นเดิมซ้ำ ๆ นานเกินไป ความเสี่ยงต่อสุขภาพก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้เราจะล้างฟองน้ำหลังใช้งาน แต่ในความจริงแล้วเชื้อโรคส่วนใหญ่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในใยฟองน้ำ และสะสมมากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นแหล่งเชื้อโรคที่มองไม่เห็น

เพื่อความปลอดภัยในบ้านของทุกคน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยน ฟองน้ำล้างจาน ทุก 3–4 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้นหากสังเกตเห็นสัญญาณอย่างฟองน้ำยุ่ย มีกลิ่นผิดปกติ แห้งช้ากว่าปกติ หรือเริ่มมีราขึ้น เพราะเมื่อถึงจุดนั้น ฟองน้ำไม่ได้ช่วยให้จานสะอาดอีกต่อไป แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคบนภาชนะในชีวิตประจำวันแทน การเปลี่ยนฟองน้ำเป็นประจำจึงเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ช่วยปกป้องสุขภาพของทุกคนในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่ง

ฟองน้ำล้างจาน

สำหรับผู้ที่ต้องการตัวเลือกที่มีความยั่งยืนมากขึ้น Bygge Eco-Friendly Sponge เป็นฟองน้ำที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติ ลดการสร้างขยะที่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติกในระบบนิเวศ เส้นใยธรรมชาติถูกออกแบบให้มีความทนทานพอสำหรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป และสามารถทำความสะอาดคราบอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างรอยขีดข่วนบนพื้นผิวภาชนะ เช่น กระทะเคลือบหรือแก้วใส นอกจากนี้ยังแห้งเร็วกว่าเส้นใยสังเคราะห์ทั่วไป จึงช่วยลดการสะสมของความชื้นและแบคทีเรียได้ในระดับที่ดีกว่า

การเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานอย่างสม่ำเสมอ และการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวทางสำคัญในการลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยภายในครัวเรือน เนื่องจากฟองน้ำที่สะอาดและแห้งเร็วช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ ยังมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนสู่ระบบนิเวศ การเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกที่ยั่งยืนเช่นนี้ จึงเป็นทั้งการปกป้องสุขภาพของผู้ใช้งาน และการส่งเสริมพฤติกรรมที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

กากกาแฟ ของเหลือที่มีค่าและประโยชน์กว่าที่คุณคิด!

กากกาแฟเหลือ อย่าเพิ่งทิ้ง! เปลี่ยนของเหลือในแก้วให้กลายเป็นของมีค่าได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

ในแต่ละวัน เรามักจะเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟแก้วโปรด แต่เมื่อดื่มหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในเครื่องชงหรือก้นแก้วอย่าง “กากกาแฟ” มักถูกเททิ้งโดยไม่รู้ว่ามันยังมีประโยชน์อีกมากมายกว่าที่คิด กากกาแฟถือเป็นวัสดุธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและคุณสมบัติพิเศษ ทั้งช่วยดูดกลิ่น ดูดซับความชื้น และยังมีสารอาหารที่ดีต่อพืชอีกด้วย

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบดื่มกาแฟทุกวัน นี่คือโอกาสดีที่จะลองเปลี่ยนของเหลือในแก้วให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง ผ่าน 3 วิธีง่าย ๆ ที่ทั้งประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดขยะในบ้านได้จริง


กากกาแฟ

1. ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อยู่หมัด

ใครจะรู้ว่ากากกาแฟมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สามารถช่วยดูดซับกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านได้เป็นอย่างดี เพียงนำกากกาแฟที่ตากแห้งแล้ว ใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ หรือห่อด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปวางในตู้เย็น รถยนต์ ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่รองเท้า กลิ่นไม่พึงประสงค์จะค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงกลิ่นกาแฟหอมละมุนแทน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมี และช่วยให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นขึ้นได้ทุกวัน

กากกาแฟ

2. ทำสครับพื่อผิวเนียนนุ่ม

นอกจากช่วยเรื่องกลิ่นแล้ว กากกาแฟยังช่วยดูแลผิวพรรณได้ด้วย เพียงผสมกากกาแฟเข้ากับน้ำผึ้งและมะขามเปียก คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อสครับ แล้วนำมาขัดผิวเบา ๆ ระหว่างอาบน้ำ กากกาแฟจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยน พร้อมเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้นตามธรรมชาติ อีกทั้งกลิ่นกาแฟยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปาเล็ก ๆ ที่บ้านของคุณเอง

กากกาแฟ

3. ใช้บำรุงต้นไม้ให้เติบโตแข็งแรง

อีกหนึ่งประโยชน์ที่หลายคนอาจไม่รู้ คือ กากกาแฟ สามารถนำไปใช้กับต้นไม้ได้ เพราะในกากกาแฟมีแร่ธาตุสำคัญอย่างโพแทสเซียม ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่พืชต้องการ นำกากกาแฟไปผสมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือดินปลูกในสัดส่วนเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และยังช่วยไล่แมลงบางชนิดที่ไม่ชอบกลิ่นกาแฟได้อีกด้วย


การนำกากกาแฟกลับมาใช้ใหม่ไม่เพียงช่วยลดขยะ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เพราะสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำในชีวิตประจำวัน เมื่อรวมกันแล้วสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้ได้

ครั้งหน้าหลังดื่มกาแฟแก้วโปรดเสร็จ อย่าเพิ่งเทกากทิ้ง! เพราะกากกาแฟเหล่านั้นอาจกลายเป็น “ของขวัญจากธรรมชาติ” ที่ช่วยทั้งบ้าน ผิว และต้นไม้ของคุณได้ในเวลาเดียวกัน

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

Green Living ชีวิตสีเขียว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

ในยุคที่โลกเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกวัน ไลฟ์สไตล์แบบ “Green Living” หรือ “การใช้ชีวิตสีเขียว” จึงกลายเป็นแนวทางที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะอยากช่วยโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เริ่มได้จากสิ่งเล็ก ๆ ในบ้านของเราเอง เพียงปรับพฤติกรรมเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและตัวเราได้พร้อมกัน


1. ติดฉนวนกันความร้อน — ลดการใช้พลังงานจากต้นเหตุ

Green Living

หลายบ้านอาจไม่รู้ว่า “ความร้อน” ที่สะสมในบ้านคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เราต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน การติดฉนวนกันความร้อน หรือ โซลาร์เซลล์ บนหลังคาหรือผนังจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านได้จริง โดยเฉพาะในฤดูร้อนของประเทศไทยที่อุณหภูมิสูงขึ้นทุกปี

เมื่อบ้านเย็นลงตามธรรมชาติ เครื่องปรับอากาศก็ไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและค่าไฟในระยะยาว อีกทั้งยังยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งกับกระเป๋าเงินและสิ่งแวดล้อม

2. ใช้พลังงานสะอาด — พลังจากแสงอาทิตย์และหลอดไฟ LED

Green Living

อีกหนึ่งวิธีสำคัญในการใช้ชีวิตสีเขียว คือการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดและลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ช่วยให้บ้านผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองได้จากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ไม่สร้างมลพิษ

สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมติดโซลาร์เซลล์ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ก็ถือเป็นก้าวแรกที่ดี หลอด LED ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้ทั่วไปถึง 80% และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 เท่า นอกจากช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาวอีกด้วย

3. ปลูกต้นไม้ในบ้าน — เติมชีวิตและอากาศบริสุทธิ์

Green Living

การปลูกต้นไม้ในบ้านไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยฟอกอากาศและสร้างความสดชื่นให้พื้นที่อยู่อาศัยอีกด้วย ต้นไม้บางชนิด เช่น ลิ้นมังกร พลูด่าง และยางอินเดีย สามารถดูดซับสารพิษในอากาศได้จริง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิในห้องได้อย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ การดูแลต้นไม้ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เติมความสงบให้ใจ และเชื่อมโยงเรากับธรรมชาติมากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตการทำงานและการพักผ่อน

4. ปรับโซนนั่งเล่นให้รับลมธรรมชาติ — ใช้พลังงานให้น้อยแต่ได้ความสบายมากขึ้น

Green Living

การออกแบบหรือจัดโซนนั่งเล่นให้โปร่ง โล่ง และรับลมจากธรรมชาติได้เต็มที่ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่าที่คิด การเปิดหน้าต่างให้ลมถ่ายเท หรือใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศในบางช่วงเวลา จะช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนั้น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้รีไซเคิล หรือผ้าฝ้ายออร์แกนิก ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นและกลมกลืนกับแนวคิดนี้ได้อย่างลงตัว


Green Living ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่ช่วยให้เราสบายขึ้นและโลกดีขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกการเลือกเล็ก ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการติดฉนวนกันความร้อน เปลี่ยนหลอดไฟ ปลูกต้นไม้ หรือเปิดหน้าต่างให้ลมธรรมชาติพัดผ่าน ล้วนเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตของโลกใบนี้

เมื่อเราลองเริ่มปรับพฤติกรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน จะพบว่าการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย บ้านจะเย็นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพลังงานมาก ต้นไม้รอบตัวจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และเราจะใช้ทรัพยากรอย่างมีสติและคุ้มค่ามากขึ้น

“ชีวิตสีเขียว” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ยังหมายถึงการดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่บ้านของเราในวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกที่ยั่งยืนเริ่มต้นได้จากมือของคุณเอง

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

แนวคิด Hygge: ปรัชญาแห่งความสุขและความอบอุ่นในบ้าน

เมื่อแนวคิด ‘Hygge’ พบกับวิถีชีวิตแบบไทย

แนวคิด Hygge in family

เมื่อเราพูดถึงคำว่า “บ้าน” ภาพที่ผุดขึ้นในใจของหลายคนอาจเป็นสถานที่ที่เราใช้พักผ่อนหลังวันอันยาวนาน พื้นที่แห่งความปลอดภัยที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของครอบครัว หรือมุมโปรดที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างแท้จริง แต่ความหมายของคำว่า “บ้าน” อาจลึกซึ้งกว่านั้น หากเราลองเปิดใจทำความรู้จักกับ’ แนวคิด Hygge’ (ฮู-กะ)

คำว่า Hygge มีรากศัพท์มาจากภาษานอร์เวย์และสวีเดน แปลได้ว่า “ความอบอุ่นใจ” หรือ “ความสุขเรียบง่ายที่ทำให้รู้สึกสบาย” ต่อมาแนวคิดนี้ได้รับการเผยแพร่และกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมเดนมาร์ก จนกลายเป็นหัวใจสำคัญของวิถีชีวิตชาวเดนมาร์กที่มักถูกจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก สิ่งนี้ไม่ใช่แค่คำหรือสไตล์การตกแต่งบ้าน แต่คือ “ปรัชญาการใช้ชีวิต” ที่มุ่งเน้นการสร้างความสุขจากสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นการนั่งจิบกาแฟอุ่น ๆ ในเช้าวันฝนตก การจุดเทียนสร้างบรรยากาศอบอุ่นในยามค่ำ หรือการใช้เวลาพูดคุยกับครอบครัวโดยไม่ต้องมีสิ่งรบกวน สิ่งเหล่านี้คือสาระสำคัญของแนวคิดนี้ — ความเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความหมาย และความสุขที่หาได้จากสิ่งเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน

เมื่อแนวคิดจากสแกนดิเนเวียมาบรรจบกับความเป็นไทย

แม้ประเทศไทยจะอยู่คนละซีกโลกกับเดนมาร์ก แต่ในความจริงแล้ว แนวคิด Hygge กลับเข้ากันได้ดีกับวิถีชีวิตของคนไทยอย่างน่าทึ่ง ทั้งสองวัฒนธรรมต่างให้ความสำคัญกับครอบครัว การอยู่ร่วมกัน และความอบอุ่นใจจากการได้อยู่บ้าน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของแนวคิดที่ว่า “ความสุขที่แท้จริงเริ่มต้นจากบ้าน”

สำหรับคนไทย บ้านไม่ได้เป็นเพียงสถานที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำและความรัก ที่ทุกกิจกรรมเล็ก ๆ รอบตัวสามารถสร้างความสุขได้ เช่น การทำอาหารร่วมกันในวันหยุด การนั่งกินข้าวพร้อมหน้ากัน การดูแลต้นไม้เล็ก ๆ รอบบ้าน การจัดมุมอ่านหนังสือหรือมุมโปรดของเด็ก ๆ หรือแม้กระทั่งการใช้เวลาเล่นกับสัตว์เลี้ยง สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อน “Hygge แบบไทย ๆ” การหาความสุขจากสิ่งใกล้ตัวและการเชื่อมต่อกับคนรอบข้าง

Bygge Solutions: สร้างนวัตกรรมที่เชื่อมโยงบ้านและความสุข

ด้วยแนวคิดนี้เอง Bygge Solutions /บี๊ก/ จึงเกิดขึ้นจากความตั้งใจที่จะเป็นมากกว่าผู้ผลิตนวัตกรรมเพื่อบ้าน แต่เป็นแบรนด์ที่สร้าง “ความสุขเรียบง่ายและยั่งยืน” ให้กับทุกครัวเรือนของไทย ชื่อ “Bygge” มาจากแรงบันดาลใจที่ผสมผสานระหว่างคำว่า “Baan” (บ้าน) ในภาษาไทย และคำว่า “Hygge” สื่อถึงความอบอุ่นและความสุขจากสิ่งเล็ก ๆ รอบตัว การรวมกันของสองคำนี้จึงสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของแบรนด์ที่มุ่งเชื่อมโยง “บ้าน” กับ “ความสุข” ผ่านนวัตกรรมที่เข้าถึงได้ง่ายและยั่งยืน

เรามุ่งพัฒนานวัตกรรมที่เข้าถึงง่าย มีคุณภาพ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ทุกคนสามารถสัมผัสความสุขเล็ก ๆ ได้ในทุกวันผ่าน แนวคิด Hygge ไม่ว่าจะเป็นเครื่องกำจัดเศษอาหาร Bygge Super Composter ที่ช่วยลดขยะในครัวเรือน ผลิตภัณฑ์ SuperBact ที่ใช้จุลินทรีย์ธรรมชาติทำความสะอาดอย่างปลอดภัย หรือ ผลิตภัณฑ์ Organic Multipurpose Cleaner น้ำยาอเนกประสงค์ที่ช่วยทำความสะอาดทั้งบ้านและโลกในเวลาเดียวกัน

ผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นของ Bygge ถูกออกแบบโดยยึดแนวคิดแบบ Hygge-inspired Living คือการสร้างสภาพแวดล้อมในบ้านที่อบอุ่น น่าอยู่และยั่งยืน พร้อมช่วยให้ทุกคนได้ใช้เวลาร่วมกันในบรรยากาศที่ผ่อนคลายมากที่สุด

บ้านคือจุดเริ่มต้นของความสุข

เพราะสำหรับเรา “บ้าน” ไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่คือสถานที่ที่เราสร้างความทรงจำ แบ่งปันรอยยิ้ม และเติมเต็มความหมายของชีวิตในทุกวัน Bygge จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้บ้านของคุณอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย และช่วยให้คุณค้นพบ “ความสุขแบบ Hygge” ที่อยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด

สุดท้ายแล้ว ความสุขอาจไม่ใช่สิ่งที่ต้องออกไปตามหาไกล ๆ แต่อยู่ในกลิ่นกาแฟหอม ๆ ยามเช้า เสียงหัวเราะของครอบครัว และบ้านที่คุณรัก — บ้านที่อบอุ่นจากใจ

📌 ติดตามเรื่องราวดี ๆ เคล็ดลับดูแลบ้าน และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของ Bygge ได้ที่:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/

 

ล้างท้องก่อนกินเจ เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับเทศกาลกินเจ

ล้างท้องก่อนกินเจ: เตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับเทศกาลกินเจ

เทศกาลกินเจปีนี้เริ่ม วันที่ 21 ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่หลายคนใช้โอกาสนี้ทำบุญและปรับพฤติกรรมการกินให้เบาและอ่อนโยนต่อร่างกาย การล้างท้องก่อนกินเจ ทำ 1 วันก่อนเทศกาล เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้ร่างกายสะอาด พร้อมรับบุญ และทำให้การถือศีลกินเจเป็นไปอย่างเต็มที่ หลายคนอาจสงสัยว่า “ล้างท้องก่อนกินเจ” คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ ในบทความนี้ Bygge พาเพื่อน ๆ มาดูวิธีล้างท้องก่อนกินเจอย่างง่าย ๆ พร้อมไอเดียปรับอาหารให้เหมาะสม

ล้างท้องก่อนกินเจ

การล้างท้องก่อนกินเจ คืออะไร?

การล้างท้องก่อนกินเจ คือขั้นตอนสำคัญที่ช่วยเตรียมร่างกายล่วงหน้าประมาณ 1–2 วันก่อนเทศกาลกินเจจริง เพื่อชะล้างสิ่งตกค้างจากอาหารคาว เนื้อสัตว์ และผักต้องห้าม การล้างท้องไม่ได้หมายถึงการอดอาหารอย่างเดียว แต่เป็นการปรับพฤติกรรมการกินให้เบาและอ่อนโยนต่อระบบย่อยอาหาร เช่น การเพิ่มผัก ผลไม้ และโปรตีนจากพืช พร้อมลดหรือหยุดทานเนื้อสัตว์และอาหารรสจัด การเริ่มล้างท้องก่อนวันกินเจอย่างน้อยหนึ่งวันช่วยให้ร่างกายสะอาด ลดภาระการย่อยอาหาร และทำให้ผู้ถือศีลสามารถปฏิบัติตามประเพณีได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ การล้างท้องยังช่วยให้ร่างกายปรับสมดุล ลดความรู้สึกหนักหรือแน่นท้องเมื่อต้องทานอาหารเจเต็มรูปแบบในวันเทศกาล และทำให้จิตใจพร้อมสำหรับการทำบุญ ถือศีล และร่วมกิจกรรมทางศาสนาได้อย่างมีสมาธิ การล้างท้องก่อนกินเจจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตรียมจิตใจให้พร้อม รับบุญ และเริ่มต้นเทศกาลกินเจอย่างเต็มที่

วิธีการล้างท้องก่อนกินเจ

วิธีการล้างท้องก่อนกินเจ

ในวันแรกของการล้างท้อง แนะนำให้เพิ่มผักและผลไม้ในแต่ละมื้อ ลดการบริโภคเนื้อสัตว์โดยเฉพาะเนื้อแดง หากจำเป็นสามารถเลือกทานไก่หรือปลาแทน พร้อมเพิ่มโปรตีนจากพืช เช่น เต้าหู้ ถั่ว และโปรตีนเกษตร เพื่อให้ร่างกายยังได้รับสารอาหารครบถ้วน

เข้าสู่วันที่สองของการล้างท้อง จะเน้นการงดเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทั้งหมด พร้อมงดผักกลิ่นฉุน เช่น กระเทียม หอมใหญ่ กุยช่าย และเครื่องเทศแรง ๆ รวมถึงงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารควรเน้นผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากพืชที่ย่อยง่าย เพื่อให้ร่างกายปรับสมดุลและสะอาดทั้งภายในและภายนอก


นอกจากนี้ การล้างท้องก่อนกินเจยังเป็นโอกาสที่ดีในการดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ก่อนเริ่มเทศกาล หลายบ้านอาจมีอาหารที่งดกินในช่วงเจ เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ หรือผลิตภัณฑ์นม ที่ยังเหลืออยู่ในตู้เย็น การนำอาหารเหล่านี้ไปกำจัดอย่างยั่งยืนด้วย Bygge SuperComposter สามารถช่วยเปลี่ยนของเหล่านี้ให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพสูงได้ภายในเวลาไม่นาน ไม่เพียงช่วยลดของเสียในครัวและปริมาณขยะที่ต้องนำไปทิ้ง แต่ยังเป็นการ เคลียร์ตู้เย็นให้พร้อมสำหรับช่วงกินเจ อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้การล้างท้องในปีนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลทั้งร่างกาย จิตใจ และโลกของเราไปพร้อมกันอย่างแท้จริง

ขอบคุณรูปภาพจาก: https://www.gourmetandcuisine.com/news/detail/11983

วิธีลด Food Waste ทำง่ายที่บ้าน ช่วยโลกและประหยัดเงิน

ปัญหา Food Waste หรืออาหารเหลือทิ้ง กลายเป็นเรื่องสำคัญในยุคปัจจุบัน ไม่เพียงทำให้เกิดการสูญเสียทรัพยากร แต่ยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย การจัดการอาหารอย่างชาญฉลาดสามารถช่วยลดของเสีย ประหยัดเงิน และสร้างประโยชน์ต่อโลกได้ Bygge จึงขอแนะนำ 4 วิธีลด Food Waste ที่ทำได้ง่าย ๆ ที่บ้าน เพื่อช่วยลดของเสีย ประหยัดเงิน และสร้างประโยชน์ให้สิ่งแวดล้อม:


วิธีลด Food Waste

1. วางแผนการซื้อวัตถุดิบ
ก่อนจะไปจ่ายตลาด ควรตรวจสอบของที่มีอยู่ในตู้เย็นและจัดลิสต์รายการวัตถุดิบที่จำเป็น การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้คุณซื้อเฉพาะสิ่งที่ต้องใช้ ลดโอกาสซื้อเกินความจำเป็น และช่วยให้การทำอาหารในแต่ละสัปดาห์มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การเตรียมเมนูล่วงหน้าสำหรับแต่ละวันยังช่วยให้ใช้วัตถุดิบได้ครบถ้วนและลดอาหารเหลือทิ้ง

วิธีลด Food Waste

2. จัดเก็บอาหารให้ถูกวิธี
การเก็บอาหารในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมช่วยยืดอายุอาหารให้นานขึ้น ควรแยกประเภทอาหารตามความเหมาะสม เช่น อาหารสดและผลไม้ควรแช่ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง ขณะที่อาหารแห้งหรือเครื่องปรุงสามารถเก็บในที่แห้งและเย็น การใช้ภาชนะที่มีฝาปิดหรือถุงซิปล็อกก็ช่วยป้องกันการเน่าเสียและรักษาคุณภาพอาหารได้นานขึ้น

วิธีลด Food Waste

3. ตรวจสอบวันหมดอายุ
การตรวจสอบวันหมดอายุเป็นวิธีง่าย ๆ แต่สำคัญมากในการลด Food Waste เมื่อรู้ว่าวัตถุดิบตัวไหนใกล้หมดอายุ เราสามารถวางแผนปรุงอาหารให้เหมาะสม เช่น ทานก่อน หรือแปรรูปเป็นเมนูอื่น ๆ เช่น สมูทตี้ แกง หรือซุป การเรียงอาหารตามวันหมดอายุ (First In, First Out) เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ใช้วัตถุดิบได้ครบและลดการทิ้งอาหารที่ยังสามารถบริโภคได้

วิธีลด Food Waste

4. เปลี่ยนเศษอาหารให้เป็นดินอินทรีย์
เศษอาหารที่เหลือสามารถนำไปหมักเป็น ดินอินทรีย์ (Compost) ได้ง่าย ๆ เพียงใส่เศษอาหารลงในถังหมักอินทรีย์หรือถังหมักเศษอาหารที่บ้าน ดินที่ได้จะมีคุณภาพสูง ปลอดสารเคมี และเหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้ ผักสวนครัว หรือดอกไม้ การหมักเศษอาหารไม่เพียงลดปริมาณขยะ แต่ยังสร้างประโยชน์ให้กับสวนหรือพื้นที่สีเขียวของคุณ


สำหรับใครที่อยาก จัดการเศษอาหารได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขอแนะนำ Bygge Super Composter เครื่องหมักเศษอาหารอัจฉริยะ ที่ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารในบ้านให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับครัวเรือน เป็นอีกหนึ่ง วิธีลด Food Waste Food Waste ที่ช่วยสร้างประโยชน์ให้กับสิ่งแวดล้อมของเราได้

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

 

กทม. ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะครั้งใหญ่! เปลี่ยนวิธีคิดเรื่อง “ขยะ” ของคนกรุงเทพฯ

กทม. ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะครั้งใหญ่! เปลี่ยนวิธีคิดเรื่อง “ขยะ” ของคนกรุงเทพฯ

ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของคนกรุงเทพฯ เมื่อกรุงเทพมหานครได้เริ่มจัดเก็บ ค่าธรรมเนียมขยะอัตราใหม่ อย่างเป็นทางการแล้ว ภายใต้ ข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องค่าธรรมเนียมการให้บริการในการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอย พ.ศ. 2568 ซึ่งมีการปรับเพิ่มอัตราการเก็บค่าขยะ เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการจัดเก็บและการกำจัดขยะในปัจจุบันที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยอัตราใหม่แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้ 👇

  1. กลุ่มที่ 1: บ้านเรือนทั่วไป

    • สำหรับครัวเรือนที่มีปริมาณขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน

    • ปรับขึ้นค่าธรรมเนียมขยะจากเดิม เดือนละ 20 บาท → เดือนละ 60 บาท

  2. กลุ่มที่ 2: ร้านค้าและผู้ประกอบการรายย่อย

    • สำหรับผู้ที่มีปริมาณขยะเกิน 20 ลิตร แต่ไม่เกิน 1 ลูกบาศก์เมตร

    • ปรับขึ้นจากเดิม หน่วยละ 40 บาท → หน่วยละ 120 บาทต่อเดือน

  3. กลุ่มที่ 3: อาคารพักอาศัยรวมและผู้ประกอบการรายใหญ่

    • สำหรับผู้ที่มีปริมาณขยะตั้งแต่ 1 ลูกบาศก์เมตรขึ้นไป

    • ปรับขึ้นจากเดิม หน่วยละ 2,000 บาท → หน่วยละ 8,000 บาทต่อเดือน

การปรับอัตราครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชน ตระหนักถึงต้นทุนของการจัดการขยะ และหันมาแยกขยะอย่างถูกวิธีมากขึ้น เพราะในแต่ละวัน กรุงเทพฯ ต้องจัดการขยะมูลฝอยกว่า 8,000 ตัน ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นขยะเปียกและขยะอินทรีย์จากครัวเรือนที่สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้


“บ้านนี้ไม่เทรวม” ทางเลือกใหม่ ลดขยะ ลดค่าใช้จ่าย

เพื่อลดภาระค่าธรรมเนียมและสร้างพฤติกรรมใหม่ในการแยกขยะอย่างถูกต้อง กรุงเทพมหานครได้เปิดตัวโครงการ “บ้านนี้ไม่เทรวม : แยกขยะลดค่าธรรมเนียม” โดยเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมผ่านแอปพลิเคชัน BKK WASTE PAY สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อใช้งานได้แล้ว ทั้งในระบบ IOS และระบบ Android (ระบบ IOS :https://u.bangkok.go.th/Appbkkwastepay ระบบ Android : https://u.bangkok.go.th/Wastepayforandroid)

เพียงแค่แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง และนำขยะรีไซเคิลหรือขยะอินทรีย์ไปจัดการอย่างถูกวิธี ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิ์ลดค่าธรรมเนียมขยะ เหลือเพียง 20 บาทต่อเดือน สำหรับกลุ่มบ้านเรือนทั่วไปที่มีขยะไม่เกิน 20 ลิตรต่อวัน

ส่วนผู้ที่มีขยะเกินกว่า 20 ลิตรต่อวัน เช่น ร้านค้า หรืออาคารพักอาศัยรวม ก็สามารถลดค่าธรรมเนียมได้เช่นกัน หากมีการแยกขยะและลดปริมาณขยะที่ต้องทิ้งอย่างต่อเนื่อง


การปรับอัตราค่าธรรมเนียมในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มภาระค่าใช้จ่าย แต่เป็น จุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงเชิงพฤติกรรม เพื่อให้คนกรุงเทพฯ หันมามอง “ขยะ” ในมุมใหม่ — ขยะที่แยกได้คือทรัพยากรที่มีค่า

เพราะทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการลดขยะต้นทางได้ ไม่ว่าจะเป็นการแยกขยะอินทรีย์ ขยะรีไซเคิล หรือขยะอันตรายออกจากกัน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เหล่านี้จะช่วยให้กรุงเทพฯ ก้าวสู่ เมืองสีเขียวที่สะอาด ยั่งยืน และน่าอยู่มากขึ้นในอนาคต

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก: สำนักงานประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร BMA Data Center

Smart Home Must-Have Items ไอเท็มอัจฉริยะที่ควรมีติดบ้าน

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน “บ้านอัจฉริยะ” หรือ Smart Home กลายเป็นไลฟ์สไตล์ที่หลายคนเลือกใช้ เพราะช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัดเวลา และทำให้บ้านน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิม มาดูกันว่าอุปกรณ์สมาร์ทโฮมชิ้นไหนบ้างที่ถือว่า Must-Have Items สำหรับบ้านยุคใหม่

หุ่นยนต์ดูดฝุ่น (Robot Vacuum)

หนึ่งในอุปกรณ์สมาร์ทโฮมยอดนิยม ช่วยทำความสะอาดได้แบบอัตโนมัติ สามารถเข้าถึงได้ทุกซอกทุกมุมโดยไม่ต้องออกแรงเอง ให้คุณประหยัดทั้งแรงและเวลา เหมาะสำหรับคนเมืองที่มีชีวิตเร่งรีบ

เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier)

คุณภาพอากาศในบ้านเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เครื่องฟอกอากาศช่วยบำบัดอากาศให้สะอาด ปราศจากฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ ทำให้หายใจได้สบายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังควบคุมได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ เหมาะสำหรับบ้านที่ใส่ใจสุขภาพ

เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Bygge Super Composter

สำหรับสายรักษ์โลก Bygge Super Composter คือไอเท็มที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะสามารถย่อยเศษอาหารให้กลายเป็นดินอินทรีย์ ใช้งานง่าย ไร้กลิ่นกวนใจ และไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย ๆ นอกจากช่วยลดปริมาณขยะแล้ว ยังได้ดินกลับมาใช้ปลูกต้นไม้หรือผักสวนครัวต่อได้อีกด้วย

การเลือกอุปกรณ์ Smart Home ไม่ได้เป็นเพียงการเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยังช่วยให้บ้านของคุณสะอาด ปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากคุณกำลังมองหาวิธี ยกระดับบ้านให้เป็นบ้านอัจฉริยะ ไอเท็มเหล่านี้คือสิ่งที่ควรมีติดบ้านอย่างยิ่ง

แยกขยะอย่างไรให้ถูกวิธี เมื่อซื้อข้าวกล่องหรืออาหารเดลิเวอรี?

ทุกวันนี้ “ข้าวกล่อง” และ “อาหารเดลิเวอรี” กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนเมืองไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นมื้อเที่ยงระหว่างทำงาน หรือมื้อเย็นที่อยากทานอะไรสะดวก ๆ รวดเร็ว แต่สิ่งที่มาพร้อมกับความสะดวกเหล่านี้คือ “บรรจุภัณฑ์ใช้ครั้งเดียว” ซึ่งถ้าเราไม่ แยกขยะ และ จัดการให้ถูกวิธี ของที่สามารถรีไซเคิลได้ก็อาจต้องกลายเป็นขยะทั่วไปโดยเปล่าประโยชน์ และเพิ่มภาระให้กับสิ่งแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว

ในความเป็นจริง การแยกขยะจากอาหารเดลิเวอรีไม่ใช่เรื่องยากเลย หากเราเข้าใจหลักการเล็ก ๆ และใส่ใจในรายละเอียดเพียงนิดเดียว 👇

แยกขยะ
1. กล่องอาหารพลาสติก
กล่องพลาสติกส่วนใหญ่สามารถรีไซเคิลได้ แต่ปัญหาหลักคือ “คราบน้ำมัน” และ “เศษอาหาร” ที่ติดอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้กระบวนการรีไซเคิลทำได้ยากขึ้นหรือไม่ได้เลย พลาสติกที่สกปรกจะทำให้คุณภาพของวัสดุรีไซเคิลลดลง และกลายเป็นขยะทั่วไปในที่สุด หากเป็นกล่องที่สามารถล้างได้ง่าย เช่น กล่องใส่อาหารแห้ง หรือไม่มันมาก แนะนำให้ล้างทำความสะอาดและตากให้แห้งก่อนแยกลงถังรีไซเคิล แต่หากเป็นกล่องที่มีคราบน้ำมันหนา หรือพลาสติกเคลือบฟอยล์ที่ล้างไม่ออก ควรทิ้งรวมกับขยะทั่วไปแทน เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของวัสดุรีไซเคิลอื่น ๆ

แยกขยะ2. อุปกรณ์พลาสติก (ช้อน ส้อม หลอด)

แม้อุปกรณ์เหล่านี้จะมีขนาดเล็ก แต่หากรวมกันหลายชิ้นก็กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาลได้เช่นกัน หากอุปกรณ์พลาสติกยังอยู่ในสภาพดีและสามารถล้างให้สะอาด ควรแยกไว้ในถังรีไซเคิล เพราะสามารถนำไปหลอมใช้ใหม่ได้ แต่หากช้อนหรือหลอดนั้นเปื้อนมาก แตกหัก หรือมีขนาดเล็กจนไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลได้จริง ก็ควรทิ้งในถังขยะทั่วไป และในระยะยาว เราอาจเริ่มจากการ “ปฏิเสธ” อุปกรณ์พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว โดยพกช้อนส้อมส่วนตัวแทน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดขยะได้อย่างยั่งยืน

แยกขยะ

3. เศษอาหาร

เศษอาหารคือหนึ่งในขยะที่มีปริมาณมากที่สุดในแต่ละวัน และหลายครั้งมักถูกทิ้งรวมไปกับขยะทั่วไป ทั้งที่จริงแล้วมันสามารถถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำปุ๋ยหมัก หรือการนำไปผลิตพลังงานชีวภาพ หากจัดเก็บแยกไว้ตั้งแต่ต้นทางก็จะช่วยลดภาระของระบบจัดการขยะลงได้อย่างมหาศาล

ในบ้านของเราเองก็สามารถเริ่มได้ง่าย ๆ เช่น แยกขยะ เศษอาหารออกจากบรรจุภัณฑ์ก่อนทิ้ง หรือใช้เทคโนโลยีที่ช่วยจัดการได้สะดวกขึ้น เช่น Bygge Super Composter เครื่องย่อยเศษอาหารอัจฉริยะที่เปลี่ยนของเหลือจากมื้ออาหารให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพสูงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ดินที่ได้ยังสามารถนำไปปลูกต้นไม้ หรือปรับสภาพดินในสวนได้จริง เรียกได้ว่าขยะจากมื้ออาหารกลายเป็นทรัพยากรใหม่ให้ธรรมชาติได้หมุนเวียนอีกครั้ง


เพียงแค่ใส่ใจขั้นตอนเล็ก ๆ อย่างการ ล้าง แยก และจัดการอย่างถูกวิธี ข้าวกล่องหนึ่งมื้อก็สามารถเป็น “มื้อแห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อทุกบ้านร่วมมือกันทำ แม้เพียงวันละนิด โลกของเราก็จะสะอาดขึ้นทีละก้าว — และทุกมื้อที่เราทาน จะไม่เหลือเพียงขยะ แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนจริง ๆ

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog