Sustainability Forum 2026: Shift Forward – Overcoming Challenges

Sustainability Forum 2026

ระหว่างวันที่ 3 – 4 ธันวาคม 2568 Bygge ได้มีโอกาสเข้าร่วม Sustainability Forum 2026: Shift Forward – Overcoming Challengesสามย่านมิตรทาวน์ ฮอลล์ ชั้น 5 ซึ่งเป็นงานด้านความยั่งยืนที่รวบรวมบุคคลสำคัญจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งผู้นำรัฐบาล ภาคธุรกิจ เทคโนโลยี การเงิน รวมถึงนวัตกรจากทั่วประเทศ เพื่อถกประเด็น ทลายข้อจำกัด และร่วมกันออกแบบเส้นทางเศรษฐกิจใหม่ที่ “เดินหน้าได้ โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง”

การจัดงานในครั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญ คือการสร้าง “วงสนทนาที่จริงจัง” ระหว่างผู้นำรัฐ ซีอีโอองค์กรใหญ่ ผู้นำเทคโนโลยี ตลาดทุน ภาคผลิต ภาคอุตสาหกรรม และภาคสังคม โดยเน้นการนำองค์ความรู้ กฎหมาย เทคโนโลยี และกลยุทธ์ล่าสุดมาใช้เป็น “แผนรับมือร่วมกัน” เพื่อความอยู่รอดของเศรษฐกิจไทยในยุคที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Sustainability Forum 2026

สำหรับ Bygge การได้ร่วมออกบูธในงานครั้งนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญในการนำเสนอเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ เครื่องย่อยขยะเศษอาหาร Bygge Super Composter ที่ออกแบบมาเพื่อลดปริมาณขยะอินทรีย์ในครัวเรือน ธุรกิจอาหาร และองค์กรต่าง ๆ

ตลอดสองวันของงาน บูธของ Bygge ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ทั้งหน่วยงานภาครัฐ องค์กรเอกชน ไปจนถึงผู้ประกอบการ SME โดยทีมงานของเราได้แนะนำการทำงานของเครื่องย่อยขยะ การนำไปใช้งานจริงในธุรกิจ และผลลัพธ์ที่ช่วย “ลดขยะ–ลดต้นทุน–ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม” ได้อย่างเป็นรูปธรรม

การได้มีส่วนร่วมใน Sustainability Forum 2026 ทำให้ Bygge เห็นถึงพลังของการร่วมมือกันทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในระดับประเทศ
เรามองว่าปัญหาขยะอาหารเป็นหนึ่งในความท้าทายที่ต้องเร่งจัดการ และการเข้าร่วมงานครั้งนี้ยิ่งตอกย้ำว่า “โซลูชันเพื่อโลก” ต้องเข้าถึงง่าย ถูกนำไปใช้จริง และเกิดผลในระดับชุมชนและองค์กร

Bygge จะยังคงเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และความรู้ด้านการจัดการขยะ เพื่อช่วยให้ธุรกิจและสังคมไทยก้าวสู่อนาคตที่สะอาด ยั่งยืน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


📌 ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ Bygge ได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

วันสิ่งแวดล้อมไทย 4 ธันวาคม

4 ธันวาคม วันสิ่งแวดล้อมไทย — ร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเพื่อโลกที่ดีกว่า

วันสิ่งแวดล้อมไทย

วันที่ 4 ธันวาคมของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันสิ่งแวดล้อมไทย” เพื่อระลึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่พระราชทานเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรน้ำและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่วางรากฐานให้สังคมไทยตระหนักถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างยั่งยืน พระราชดำรัสเหล่านี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ แต่ยังสะท้อนความเชื่อมโยงระหว่างสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างแยกไม่ออก

ในวันเดียวกันนี้ ยังตรงกับ วันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ (วัน ทสม.) ซึ่งเป็นวันที่มอบความหมายให้กับพลังของภาคประชาชน อาสาสมัคร และชุมชนท้องถิ่น ที่ร่วมมือกันปกป้อง ดูแล และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของประเทศอย่างต่อเนื่อง สิ่งนี้ตอกย้ำว่าการรักษ์โลกไม่ใช่หน้าที่ขององค์กรใหญ่หรือหน่วยงานรัฐเท่านั้น แต่เป็นความร่วมมือของทุกคนในสังคม


วันสิ่งแวดล้อมไทย: ความท้าทายที่ต้องเผชิญร่วมกัน

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มลพิษทางอากาศ น้ำทิ้งที่ไม่ได้รับการจัดการ รวมถึงภาวะโลกร้อนที่ส่งผลโดยตรงต่อวิถีชีวิตของผู้คน การขยายตัวของเมืองและพฤติกรรมการบริโภคในชีวิตประจำวันทำให้เกิดขยะอินทรีย์ในครัวเรือนจำนวนมาก ซึ่งมักจบลงที่หลุมฝังกลบและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

แม้ความท้าทายจะมากขึ้น แต่วันนี้ประเทศไทยมีทั้งองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือจากหลายภาคส่วนที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลง ทำให้วันสิ่งแวดล้อมไทยไม่ใช่เพียงการรำลึก แต่คือวันที่พาให้เรามองอนาคตอย่างมีความหวัง



การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่เริ่มต้นได้จากบ้านของเรา

การดูแลสิ่งแวดล้อมอาจเริ่มจากวิธีที่ง่ายที่สุด การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ลดของเสียที่ไม่จำเป็น ใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า แยกขยะตั้งแต่ต้นทาง หรือเลือกสินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อโลก การเริ่มจากบ้านของคนหนึ่งคน แม้อาจดูเล็ก แต่เมื่อหลายคนร่วมลงมือ ก็กลายเป็นพลังที่สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ได้

นี่คือแนวคิดที่สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลดของเสียให้เหลือน้อยที่สุด และนำกลับมาใช้ใหม่อย่างชาญฉลาด เพื่อให้ระบบนิเวศและเศรษฐกิจเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน


ในฐานะองค์กรที่มุ่งเน้นการจัดการขยะอาหารตั้งแต่ต้นทาง Bygge เชื่อว่าการดูแลสิ่งแวดล้อมเริ่มต้นได้จาก “บ้าน” เช่นเดียวกับแนวคิดของวันสิ่งแวดล้อมไทย เราจึงพัฒนานวัตกรรม Bygge Super Composter และจุลินทรีย์ SuperBact เพื่อช่วยให้ครัวเรือนและธุรกิจสามารถลดปริมาณขยะอาหารได้อย่างเป็นรูปธรรม ลดกลิ่น ลดของเสีย ลดการปล่อยก๊าซมีเทน พร้อมเปลี่ยนเศษอาหารให้กลับมาเกิดประโยชน์ในรูปแบบใหม่ เช่น น้ำหมักชีวภาพหรือดินที่มีคุณภาพ

เรายังทำงานร่วมกับภาคชุมชน องค์กร และผู้บริโภค เพื่อผลักดันให้การจัดการขยะอินทรีย์เป็นเรื่องง่าย ใกล้ตัว และเข้าถึงได้สำหรับทุกครัวเรือน เพราะเรามั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากสิ่งใหญ่โตเสมอไป แต่สามารถเริ่มจากการกระทำเล็กๆ ที่ทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง


📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

Bygge เข้าร่วมงาน D-Station Showcase 2025

D-Station

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 Bygge ได้เข้าร่วมงาน D-STATION SHOWCASE 2025 ที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลนครสวรรค์ ชั้น 3 โดยได้รับความร่วมมือจาก DEPA, GET Digital และ D-Station ด้วยความมุ่งหวังที่จะนำเสนอศักยภาพของเทคโนโลยีดิจิทัลและนวัตกรรมที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อแก้ไขปัญหาทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน งานครั้งนี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างเวทีให้กับผู้ประกอบการ นวัตกร และโซลูชันด้านดิจิทัลที่กำลังเติบโต เพื่อนำเสนอไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ และเทคโนโลยีที่สามารถผลักดันเศรษฐกิจและสังคมไทยสู่การเปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยดิจิทัลอย่างเต็มตัว ภายในงานยังได้เปิดตัวแพลตฟอร์ม D-shopping เป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของระบบนิเวศด้านดิจิทัลไทยที่สร้างพื้นที่ให้ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมคุณภาพจากหลายแบรนด์ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ พร้อมนำเสนอให้ผู้ร่วมงานได้ทำความรู้จักกับเทคโนโลยีที่สามารถตอบโจทย์วิถีชีวิตและความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ทั้งในมิติของธุรกิจ ประสิทธิภาพ และความยั่งยืนในระยะยาว

D-Station

D-Station

ภายในงาน Bygge ได้รับเกียรติร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์เพื่อถ่ายทอดภาพของนวัตกรรมไทยที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการนำเสนอ Bygge Super Composter รุ่น BG-02 เครื่องย่อยขยะเศษอาหารสำหรับบ้านและครัวเรือนที่สามารถย่อยเศษอาหารได้สูงสุด 2 กิโลกรัมภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดปริมาณขยะสดตั้งแต่ต้นทาง พร้อมทั้งลดกลิ่น ลดของเสีย และช่วยให้การจัดการขยะอินทรีย์เป็นเรื่องที่ง่าย สะอาด และเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอ SuperBact จุลินทรีย์สำหรับย่อยเศษอาหารที่พัฒนาขึ้นโดยนักวิจัยไทย ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของครัวเรือนไทยโดยเฉพาะ ช่วยให้กระบวนการย่อยสลายที่ปกติใช้เวลาหลายเดือน กลายเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นภายในหนึ่งวันเท่านั้น ผู้เข้าร่วมงานยังได้มีโอกาสชมผลิตภัณฑ์รักษ์โลกอื่นๆ ของ Bygge ไม่ว่าจะเป็นน้ำยาอเนกประสงค์จากน้ำหมักชีวภาพซึ่งเป็นผลผลิตจากกระบวนการย่อยเศษอาหาร รวมถึงฟองน้ำย่อยสลายได้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งหมดนี้สะท้อนการทำงานของระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางสู่ปลายทาง และชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของการนำขยะอินทรีย์กลับมาเป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริง

D-Station

หนึ่งในช่วงที่ได้รับความสนใจอย่างมากในงาน คือการขึ้นนำเสนอหัวข้อ “Green Solution for a Better Tomorrow” โดย คุณจิดาภา เจียจิรกุล (คุณโมชิ) CEO และ Co-founder ของ Bygge Solutions ซึ่งได้เล่าถึงการเดินทางของแบรนด์ ความตั้งใจในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อจัดการปัญหาขยะอาหาร และกระบวนการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่สามารถสร้างผลกระทบจริงได้ในระดับสังคม คุณโมชิได้นำเสนอทั้งเคสจริงและผลลัพธ์จริงจากการใช้งานเครื่องย่อยเศษอาหารในครัวเรือนและองค์กร พร้อมชี้ให้เห็นว่าการนำเทคโนโลยีมาใช้ร่วมกับการจัดการทรัพยากรสามารถกลายเป็นรูปแบบใหม่ของ Digital Transformation ที่จับต้องได้และเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ภายใต้แนวคิด “Small Changes, Bygge Impact” ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าทุกบ้านสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างโลกที่ดีขึ้นได้ และทุกการลดขยะอินทรีย์เพียงเล็กน้อยสามารถถูกขยายเป็นผลลัพธ์ที่สร้างความยั่งยืนได้ในระยะยาว นวัตกรรมของ Bygge จึงไม่ใช่เพียงผลิตภัณฑ์ แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ในการผลักดันสังคมไทยสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน และการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นในทุกวัน

ขอขอบคุณงาน D-STATION SHOWCASE 2025 ที่เปิดพื้นที่ให้นวัตกรรมไทยได้ถูกมองเห็น และให้ Bygge ได้มีโอกาสแบ่งปันวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนผ่านโซลูชันจริงที่ช่วยเปลี่ยนโลกใบนี้ให้ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของงานที่ผลักดันเทคโนโลยีและอนาคตของประเทศไทยอย่างแท้จริง


 

📌 ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ Bygge ได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

BCG Economy โมเดลเศรษฐกิจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องทรัพยากร

BCG Economy โมเดลเศรษฐกิจเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องทรัพยากร

BCG Economy คืออะไร? โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่กำลังเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องทรัพยากรของประเทศไทย

BCG Economy

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดเศรษฐกิจ BCG หรือ Bio-Circular-Green Economy ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากในประเทศไทย ทั้งจากภาครัฐ ภาคธุรกิจ ไปจนถึงประชาชนทั่วไปที่หันมาใส่ใจการใช้ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โมเดลนี้ถูกออกแบบให้เป็นกรอบการพัฒนาที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจและความยั่งยืน โดยตั้งอยู่บนหลักการสำคัญสามประการ คือการใช้ทรัพยากรชีวภาพอย่างคุ้มค่า การหมุนเวียนวัสดุเพื่อลดของเสีย และการพัฒนาเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ

ส่วนแรกคือ Bio Economy หรือเศรษฐกิจชีวภาพ ซึ่งเน้นการใช้ทรัพยากรจากธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยไม่ทำลายระบบนิเวศ ตัวอย่างเช่นการนำวัสดุธรรมชาติกลับมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ การเพิ่มมูลค่าผลผลิตทางการเกษตร หรือการเลือกใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้แทนพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ทิศทางนี้ทำให้หลายธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อผลิตสินค้าที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภคและไม่สร้างภาระต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคเองก็เริ่มให้ความสำคัญกับสินค้าที่มาจากธรรมชาติและผ่านกระบวนการผลิตที่ยั่งยืนมากขึ้น

ส่วนที่สองคือ Circular Economy หรือเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของโมเดล BCG เพราะเป็นแนวคิดที่ช่วยให้ทรัพยากรคงอยู่ในระบบได้นานที่สุด แทนที่จะใช้แล้วทิ้งแบบดั้งเดิม กระบวนการหมุนเวียนจะมองทุกอย่างเป็นทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาสร้างคุณค่าใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง การนำวัสดุกลับมาใช้ซ้ำ การรีไซเคิลอย่างถูกต้อง หรือการอัพไซเคิลให้วัสดุธรรมดากลายเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น การเปลี่ยนวิธีคิดนี้เริ่มต้นได้ง่ายจากบ้านของเราเอง เพียงแค่เข้าใจการแยกประเภทขยะอย่างถูกต้องและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการสร้างของเสีย ก็สามารถช่วยให้ระบบหมุนเวียนเกิดขึ้นจริงได้ในทุกวัน

ส่วนสุดท้ายคือ Green Economy หรือเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การประหยัดพลังงาน การลดการใช้ทรัพยากรน้ำ หรือการปรับปรุงระบบผลิตให้เป็นมิตรต่อธรรมชาติมากขึ้น แนวคิดนี้เกี่ยวข้องโดยตรงกับทุกคนในสังคม เพราะการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องเริ่มจากโครงการขนาดใหญ่ แต่เกิดได้จากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่เราทำในแต่ละวัน เช่นการลดใช้พลาสติก การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากสิ่งแวดล้อม หรือการนำขยะไปรีไซเคิลอย่างถูกวิธี

เมื่อพิจารณาทั้งสามองค์ประกอบร่วมกัน จะเห็นได้ว่าโมเดล BCG ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย กลับเป็นแนวคิดที่เริ่มต้นได้จากพื้นที่ใกล้ตัวที่สุดอย่างบ้านของเรา การจัดการขยะที่ดี การเข้าใจวิธีแยกขยะอย่างถูกต้อง และการนำขยะไปสู่กระบวนการรีไซเคิลที่เหมาะสม ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทรงพลังในการสร้างสังคมที่ยั่งยืน และนี่คือสิ่งที่ Bygge มุ่งผลักดันมาโดยตลอด เราเชื่อว่าขยะที่ถูกจัดการอย่างถูกต้องสามารถกลายเป็นทรัพยากรใหม่ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นวัสดุรีไซเคิลที่นำกลับไปใช้ในอุตสาหกรรม หรือการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นพลังงานหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม

ประเทศไทยเองกำลังให้ความสำคัญกับแนวคิด BCG มากขึ้น เนื่องจากประเทศเรามีทรัพยากรชีวภาพที่อุดมสมบูรณ์ ภาคการเกษตรมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าสูง และปริมาณขยะที่เพิ่มขึ้นทุกปีทำให้การจัดการอย่างเป็นระบบกลายเป็นสิ่งจำเป็น การที่ทุกภาคส่วนเริ่มตระหนักและร่วมกันผลักดันจึงเป็นกุญแจสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น การเติบโตของเมืองใหญ่และไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ทำให้ระบบจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพเป็นเรื่องสำคัญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

สุดท้ายแล้ว การขับเคลื่อน BCG ไม่ใช่บทบาทของภาครัฐหรือองค์กรใหญ่เท่านั้น แต่คือการลงมือทำของทุกคน เริ่มจากกิจวัตรง่าย ๆ ในบ้าน เช่นการแยกขยะ การลดการใช้ทรัพยากรที่ไม่จำเป็น และการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หากเราทุกคนร่วมกันทำให้ความยั่งยืนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน โมเดล BCG จะไม่ใช่เพียงกลยุทธ์ระดับประเทศ แต่จะกลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่ฝังแน่นในสังคมไทย

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ไลฟ์สไตล์ไหนก็รักษ์โลกได้: ใช้ชีวิตง่ายขึ้นด้วย Bygge Super Composter

ในโลกที่ความยั่งยืนเริ่มกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นคนที่รักสิ่งแวดล้อม ทำอาหารบ่อย หรือชื่นชอบเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น ทุกคนต่างมองหาวิธีจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะ “ขยะเศษอาหาร” ที่เป็นต้นตอของกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเป็นหนึ่งในปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย

การกำจัดเศษอาหารอาจเคยเป็นเรื่องยาก แต่วันนี้ Bygge  จะทำให้ทุกไลฟ์สไตล์สามารถก้าวเข้าสู่ชีวิตแบบ Eco Living ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าคุณจะเป็นสายไหน การใช้ชีวิตแบบยั่งยืนก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป


🌍 1. สายรักษ์โลก (Eco Conscious) 

สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การแยกขยะ และการลดรอยเท้าคาร์บอนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่เศษอาหารเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และเมื่อถูกนำไปฝังกลบ ก็ปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่แรงกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายสิบเท่า Bygge Super Composter ช่วยเปลี่ยนเศษอาหารเหล่านั้นให้กลายเป็นวัสดุคล้ายดินที่สามารถนำกลับไปใช้ประโยชน์ในสวน ปลูกผัก หรือแม้แต่ส่งต่อให้ชุมชน ลดขยะปลายทาง และช่วยให้ทุกบ้านมีส่วนร่วมในการสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น


👩‍🍳 2. สายเข้าครัว (Home Cooking Lover)

สำหรับคนที่ชอบทำอาหารเองอยู่บ้าน มักมีเศษอาหารเหลืออยู่ในครัวเป็นประจำ การจัดการเศษอาหารเหล่านี้อาจเป็นเรื่องน่าปวดหัว แต่ด้วย Bygge Super Composter ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวก เครื่องสามารถจัดการเศษอาหารเหล่านี้อย่างรวดเร็วและถูกสุขลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ หรือเศษอาหารที่เหลือจากการทำมื้ออาหาร เครื่องนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์หรือขยะล้นถังอีกต่อไป


🤖 3. สายสมาร์ท (Smart Living) 

ในฝั่งผู้ที่รักเทคโนโลยีและชีวิตสมาร์ท Bygge Super Composter สามารถจัดการเศษอาหารภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมงโดยใช้จุลินทรีย์ SuperBact ที่พัฒนามาเฉพาะ ทำให้กระบวนการคอมโพสต์เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การใช้งานง่ายและไม่ยุ่งยาก เพียงใส่เศษอาหารเข้าไปในเครื่อง ระบบจะจัดการให้เองอย่างอัตโนมัติ มีฟีเจอร์ควบคุมกลิ่น และลดความชื้นของดิน เป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานความยั่งยืนเข้ากับความสะดวกสบาย ทำให้การจัดการขยะกลายเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องเสียแรง ไม่ต้องเสียเวลา และยังลดภาระงานบ้านได้มาก


🏡 4. สายมินิมอล (Minimal Living) – บ้านสะอาด ชีวิตเรียบง่าย แต่ยั่งยืน

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความมินิมอลและบ้านสะอาดเรียบร้อย Bygge Super Composter มีขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่รกและไม่กินพื้นที่ เหมาะกับบ้านทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นครัวเล็กหรือคอนโดขนาดกะทัดรัด ดีไซน์เรียบง่ายสบายตา ทำให้บ้านของคุณดูสะอาดและเป็นระเบียบ แม้จะมีเครื่องคอมโพสต์อยู่ในบ้านก็ไม่ทำให้บรรยากาศรกหรือเกะกะ


ด้วยฟังก์ชันครบครันและดีไซน์ที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ Bygge Super Composter ไม่เพียงช่วยลดขยะและดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ยังทำให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นและมีความสุขมากขึ้น การคอมโพสต์ไม่เคยง่ายและสนุกขนาดนี้มาก่อน ทุกคนสามารถเลือกใช้เครื่องนี้ให้เหมาะกับตัวเองและเริ่มสร้างนิสัยชีวิตที่ยั่งยืนได้ทันที

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ประเทศต้นแบบ เรื่องเมืองสะอาด: วิธีจัดการขยะของ 6 ประเทศที่ควรเรียนรู้

ประเทศต้นแบบ เรื่องเมืองสะอาด: วิธีจัดการขยะของ 6 ประเทศที่ควรเรียนรู้

หลายประเทศทั่วโลกพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากสังคมมีระบบจัดการขยะที่เข้มแข็ง ประชาชนให้ความร่วมมือ และรัฐสนับสนุนอย่างจริงจัง เมืองที่สะอาดและยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่เพียงแนวคิดบนกระดาษเท่านั้น การจัดการขยะจึงไม่ใช่เรื่องเล็ก แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของเมือง รุ่นต่อรุ่น ในบทความนี้ Bygge ขอพาทุกคนเดินทางไปดูตัวอย่างของ 6 ประเทศต้นแบบ ที่ได้รับการยอมรับว่ามีระบบจัดการขยะดีที่สุดในโลก เพื่อทำความเข้าใจว่าพวกเขาทำอย่างไร และอะไรคือสิ่งที่เราสามารถนำมาปรับใช้ได้ในบริบทของไทย


🇯🇵 ญี่ปุ่น

ประเทศต้นแบบ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผู้คนทั่วโลกชื่นชมเรื่องความเป็นระเบียบเรียบร้อย และความใส่ใจในรายละเอียด ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนชัดเจนผ่านระบบจัดการขยะของประเทศ พวกเขามีกฎหมายแยกประเภทขยะอย่างเคร่งครัดและชัดเจน การทิ้งขยะผิดประเภทอาจนำไปสู่การถูกจับหรือถูกปรับ ทำให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการแยกขยะตั้งแต่ในครัวเรือน นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีโรงงานขยะขนาดใหญ่ที่นำขยะมาเผาผ่านระบบกรองมลพิษที่มีมาตรฐานสูง ขยะที่ถูกเผาไม่ได้สูญเปล่า เพราะสามารถนำพลังงานความร้อนนั้นมาผลิตเป็นไฟฟ้าให้กับพื้นที่รอบข้าง ขณะที่เถ้าที่เหลือจากการเผายังสามารถนำไปใช้ผลิตอิฐบล็อกหรือใช้ในการถมทะเลเพื่อพัฒนาพื้นที่สวนสาธารณะ ทำให้ขยะถูกกลับมาใช้ประโยชน์ได้อย่างสูงสุด

🇸🇪 สวีเดน

ประเทศต้นแบบ

สวีเดนเป็นประเทศที่ทำให้โลกเห็นว่าขยะสามารถมี “มูลค่า” ได้อย่างแท้จริง ประเทศนี้มีระบบรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพสูงจนทำให้ขยะจากครัวเรือนเกือบทั้งหมดถูกนำกลับไปใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการรีไซเคิลหรือการนำไปทำปุ๋ยหมัก มากกว่าครึ่งหนึ่งของขยะทั้งหมดถูกนำไปผลิตเป็นพลังงานความร้อนสำหรับทำความร้อนให้บ้านเรือนในช่วงฤดูหนาว ส่วนขยะฝังกลบนั้นมีเพียง 0.08% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำมากจนสวีเดนต้องนำเข้าขยะจากต่างประเทศเพื่อใช้ในกระบวนการผลิตพลังงาน ความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือของประชาชนที่ช่วยกันแยกขยะอย่างจริงจังด้วยระบบถุงสีต่าง ๆ ที่ชัดเจนและง่ายต่อการปฏิบัติตาม

🇳🇱 เนเธอร์แลนด์

ประเทศต้นแบบ

ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการจัดการขยะที่เข้มแข็ง โดยมีอัตราการรีไซเคิลสูงกว่า 80% ระบบการจัดการขยะของเนเธอร์แลนด์เริ่มต้นตั้งแต่หน้าบ้านของประชาชน ผ่านระบบ “Door to Door” ที่กำหนดวันเก็บขยะแต่ละประเภทอย่างชัดเจน เช่น วันเก็บขยะทั่วไป ขยะกระดาษ หรือขยะพลาสติก โดยพลาสติกบางประเภทประชาชนยังสามารถนำไปแลกเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตได้อีกด้วย ขยะเศษอาหารจากครัวเรือนจำนวนมากถูกนำไปผลิตพลังงานชีวภาพ ขณะที่ขยะพลาสติกบางส่วนถูกนำไปใช้สร้างเลนจักรยานในเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นการนำวัสดุเหลือใช้กลับมาพัฒนาพื้นที่เมืองอย่างสร้างสรรค์

🇩🇪 เยอรมนี

ประเทศต้นแบบ

เยอรมนีเป็นประเทศที่ถูกยกย่องว่าเป็นผู้นำด้านรีไซเคิลของยุโรป โดยมีตัวเลขชัดเจนว่า 64% ของขยะทั้งหมดในประเทศถูกนำไปรีไซเคิลหรือทำปุ๋ยหมัก อีก 35% ถูกใช้ทำพลังงาน เช่น การผลิตไฟฟ้าหรือความร้อน และมีเพียง 1% เท่านั้นที่เป็นขยะฝังกลบ ประชาชนชาวเยอรมันมีวัฒนธรรมการใช้ถุงผ้าและการคืนขวดพลาสติกเพื่อรับเงินค่ามัดจำ ซึ่งนอกจากช่วยลดขยะแล้ว ยังเป็นแรงจูงใจที่ดีในการนำขวดกลับมาใช้ใหม่ นอกจากนี้รัฐบาลเยอรมนียังมีกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ผลิตต้องรับผิดชอบต่อขยะที่ตนสร้างขึ้น ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรต้องมีระบบจัดการขยะที่มีมาตรฐานเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางกฎหมาย

🇦🇹 ออสเตรีย

ประเทศต้นแบบออสเตรีย

ออสเตรียเองก็เป็นประเทศที่มีระบบจัดการขยะที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน โดยประชาชนถูกปลูกฝังเรื่องการแยกขยะตั้งแต่ในวัยเด็ก ทำให้การแยกขยะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน เมืองของออสเตรียจึงสะอาด น่าอยู่ และเป็นระเบียบ นอกจากนี้ยังมีโรงไฟฟ้าขยะ Spittelau ในกรุงเวียนนา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการผสานเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมเข้ากับงานสถาปัตยกรรม เนื่องจากโรงงานได้รับการออกแบบให้สวยงามและกลมกลืนกับเมือง แม้จะทำหน้าที่กำจัดขยะ แต่กลับกลายเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กของเมืองที่ผู้คนยอมรับและภาคภูมิใจ โรงงานนี้สามารถแปลงขยะให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ มอบพลังงานให้ประชาชนจำนวนมากในเมืองหลวง

🇰🇷 เกาหลีใต้

ประเทศเกาหลีใต้

เกาหลีใต้เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของประเทศที่ใช้เทคโนโลยีมาจัดการปัญหาขยะอาหารอย่างจริงจัง โดยมีระบบถังขยะอัจฉริยะที่ให้ประชาชนชั่งน้ำหนักขยะอาหารก่อนทิ้ง และจ่ายค่าธรรมเนียมตามน้ำหนักที่ทิ้ง ทำให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องปริมาณขยะอาหารมากขึ้น ข้อมูลจากสภาเศรษฐกิจโลกเผยว่าระบบนี้ช่วยลดขยะอาหารได้มากถึง 47,000 ตัน ภายในเวลาเพียงหกปี ช่วยลดภาระของเทศบาลและระบบจัดการขยะปลายน้ำอย่างเห็นผล


เมื่อมองภาพรวมของ “ประเทศต้นแบบ” เหล่านี้ จะเห็นว่าความสำเร็จไม่ได้เกิดจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งต่างตระหนักว่าขยะคือทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ หากมีระบบจัดการที่ดีและชัดเจน เมืองก็จะสะอาดและยั่งยืนในระยะยาว

จากตัวอย่างทั้งหมดนี้ Bygge เชื่อมั่นว่าความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่เริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะ “การจัดการขยะที่บ้าน” ซึ่งเป็นต้นทางสำคัญที่สุด เพราะหากทุกครัวเรือนสามารถลดปริมาณขยะ หรือนำขยะบางส่วนกลับมาใช้ประโยชน์ได้ เมืองโดยรวมก็จะสะอาดขึ้น และภาระของระบบจัดการขยะปลายน้ำก็จะลดลงอย่างมหาศาล นั่นคือเหตุผลที่ Bygge พัฒนานวัตกรรมเครื่องกำจัดเศษอาหาร Bygge Super Composter เพื่อช่วยให้ครัวเรือนและองค์กรจัดการขยะอาหารได้ง่ายขึ้น ลดกลิ่น ลดปริมาณ และนำกลับไปสู่การเป็นดินดีได้อีกครั้ง เมืองสะอาดเริ่มต้นจากบ้าน และทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ตั้งแต่วันนี้

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

ฟองน้ำล้างจาน: ของใช้เล็ก ๆ ที่ซ่อนความเสี่ยงใหญ่ในครัว

เช็คด่วน! ถึงเวลาเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานแล้วหรือยัง?

ฟองน้ำล้างจาน

ฟองน้ำล้างจาน อาจดูเป็นของใช้เล็ก ๆ ที่เราแทบไม่เคยนึกถึง แต่มันคือหนึ่งในแหล่งสะสมเชื้อโรคอันดับต้น ๆ ในครัวโดยที่หลายคนไม่รู้ตัว เพราะฟองน้ำชื้นตลอดเวลาและเต็มไปด้วยเศษอาหารที่ติดอยู่ตามใยฟองน้ำ ทำให้แบคทีเรียเติบโตได้อย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียและอาหารเป็นพิษ เมื่อใช้ฟองน้ำชิ้นเดิมซ้ำ ๆ นานเกินไป ความเสี่ยงต่อสุขภาพก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย แม้เราจะล้างฟองน้ำหลังใช้งาน แต่ในความจริงแล้วเชื้อโรคส่วนใหญ่ยังคงฝังลึกอยู่ภายในใยฟองน้ำ และสะสมมากขึ้นทุกวันจนกลายเป็นแหล่งเชื้อโรคที่มองไม่เห็น

เพื่อความปลอดภัยในบ้านของทุกคน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปลี่ยน ฟองน้ำล้างจาน ทุก 3–4 สัปดาห์ หรือเร็วกว่านั้นหากสังเกตเห็นสัญญาณอย่างฟองน้ำยุ่ย มีกลิ่นผิดปกติ แห้งช้ากว่าปกติ หรือเริ่มมีราขึ้น เพราะเมื่อถึงจุดนั้น ฟองน้ำไม่ได้ช่วยให้จานสะอาดอีกต่อไป แต่กลับเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคบนภาชนะในชีวิตประจำวันแทน การเปลี่ยนฟองน้ำเป็นประจำจึงเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ช่วยปกป้องสุขภาพของทุกคนในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุดอย่างหนึ่ง

ฟองน้ำล้างจาน

สำหรับผู้ที่ต้องการตัวเลือกที่มีความยั่งยืนมากขึ้น Bygge Eco-Friendly Sponge เป็นฟองน้ำที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติ 100% สามารถย่อยสลายได้ตามกระบวนการทางธรรมชาติ ลดการสร้างขยะที่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติกในระบบนิเวศ เส้นใยธรรมชาติถูกออกแบบให้มีความทนทานพอสำหรับการใช้งานในครัวเรือนทั่วไป และสามารถทำความสะอาดคราบอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่สร้างรอยขีดข่วนบนพื้นผิวภาชนะ เช่น กระทะเคลือบหรือแก้วใส นอกจากนี้ยังแห้งเร็วกว่าเส้นใยสังเคราะห์ทั่วไป จึงช่วยลดการสะสมของความชื้นและแบคทีเรียได้ในระดับที่ดีกว่า

การเปลี่ยนฟองน้ำล้างจานอย่างสม่ำเสมอ และการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวทางสำคัญในการลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยภายในครัวเรือน เนื่องจากฟองน้ำที่สะอาดและแห้งเร็วช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะเดียวกัน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ ยังมีส่วนช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนสู่ระบบนิเวศ การเปลี่ยนไปใช้ทางเลือกที่ยั่งยืนเช่นนี้ จึงเป็นทั้งการปกป้องสุขภาพของผู้ใช้งาน และการส่งเสริมพฤติกรรมที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

กากกาแฟ ของเหลือที่มีค่าและประโยชน์กว่าที่คุณคิด!

กากกาแฟเหลือ อย่าเพิ่งทิ้ง! เปลี่ยนของเหลือในแก้วให้กลายเป็นของมีค่าได้ง่าย ๆ ที่บ้าน

ในแต่ละวัน เรามักจะเริ่มเช้าวันใหม่ด้วยกาแฟแก้วโปรด แต่เมื่อดื่มหมดแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่ในเครื่องชงหรือก้นแก้วอย่าง “กากกาแฟ” มักถูกเททิ้งโดยไม่รู้ว่ามันยังมีประโยชน์อีกมากมายกว่าที่คิด กากกาแฟถือเป็นวัสดุธรรมชาติที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและคุณสมบัติพิเศษ ทั้งช่วยดูดกลิ่น ดูดซับความชื้น และยังมีสารอาหารที่ดีต่อพืชอีกด้วย

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ชอบดื่มกาแฟทุกวัน นี่คือโอกาสดีที่จะลองเปลี่ยนของเหลือในแก้วให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง ผ่าน 3 วิธีง่าย ๆ ที่ทั้งประหยัด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และช่วยลดขยะในบ้านได้จริง


กากกาแฟ

1. ดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อยู่หมัด

ใครจะรู้ว่ากากกาแฟมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่สามารถช่วยดูดซับกลิ่นอับและกลิ่นไม่พึงประสงค์ในบ้านได้เป็นอย่างดี เพียงนำกากกาแฟที่ตากแห้งแล้ว ใส่ถุงผ้าเล็ก ๆ หรือห่อด้วยผ้าขาวบาง จากนั้นนำไปวางในตู้เย็น รถยนต์ ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่รองเท้า กลิ่นไม่พึงประสงค์จะค่อย ๆ หายไป เหลือเพียงกลิ่นกาแฟหอมละมุนแทน เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งสารเคมี และช่วยให้บรรยากาศในบ้านสดชื่นขึ้นได้ทุกวัน

กากกาแฟ

2. ทำสครับพื่อผิวเนียนนุ่ม

นอกจากช่วยเรื่องกลิ่นแล้ว กากกาแฟยังช่วยดูแลผิวพรรณได้ด้วย เพียงผสมกากกาแฟเข้ากับน้ำผึ้งและมะขามเปียก คนให้เข้ากันจนเป็นเนื้อสครับ แล้วนำมาขัดผิวเบา ๆ ระหว่างอาบน้ำ กากกาแฟจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำออกอย่างอ่อนโยน พร้อมเผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่มและกระจ่างใสขึ้นตามธรรมชาติ อีกทั้งกลิ่นกาแฟยังช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปาเล็ก ๆ ที่บ้านของคุณเอง

กากกาแฟ

3. ใช้บำรุงต้นไม้ให้เติบโตแข็งแรง

อีกหนึ่งประโยชน์ที่หลายคนอาจไม่รู้ คือ กากกาแฟ สามารถนำไปใช้กับต้นไม้ได้ เพราะในกากกาแฟมีแร่ธาตุสำคัญอย่างโพแทสเซียม ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารอาหารที่พืชต้องการ นำกากกาแฟไปผสมกับปุ๋ยอินทรีย์หรือดินปลูกในสัดส่วนเล็กน้อย จะช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้กับดิน ช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และยังช่วยไล่แมลงบางชนิดที่ไม่ชอบกลิ่นกาแฟได้อีกด้วย


การนำกากกาแฟกลับมาใช้ใหม่ไม่เพียงช่วยลดขยะ แต่ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน เพราะสิ่งเล็ก ๆ ที่เราทำในชีวิตประจำวัน เมื่อรวมกันแล้วสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกใบนี้ได้

ครั้งหน้าหลังดื่มกาแฟแก้วโปรดเสร็จ อย่าเพิ่งเทกากทิ้ง! เพราะกากกาแฟเหล่านั้นอาจกลายเป็น “ของขวัญจากธรรมชาติ” ที่ช่วยทั้งบ้าน ผิว และต้นไม้ของคุณได้ในเวลาเดียวกัน

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

Bygge ร่วมงาน บ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2025

Bygge ร่วมงานบ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2025 – เติมแรงบันดาลใจให้คนรักษ์โลก ด้วยนวัตกรรมเพื่อบ้านที่ยั่งยืน

บ้านและสวนแฟร์

Bygge ได้เข้าร่วมงาน “บ้านและสวนแฟร์ Living Festival 2025” ระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา ณ อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี งานที่ครบครันที่สุดสำหรับคนรักบ้าน รวมทุกเทรนด์ดีไซน์ วัสดุทันสมัย และไอเดียแต่งบ้านเพื่อชีวิตที่ลงตัวและยั่งยืนไว้ในที่เดียว

Bygge มาพร้อมแนวคิด “Green Living ชีวิตสีเขียว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่” เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตอย่างรักษ์โลก ผ่านนวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้การดูแลบ้านของคุณเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

บ้านและสวนแฟร์

ไฮไลต์ของบูธ Bygge ในปีนี้คือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุด “Bygge Eco-friendly Sponge” ฟองน้ำรักษ์โลกที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและสิ่งแวดล้อมในเวลาเดียวกัน ผลิตจาก เซลลูโลสธรรมชาติและใยมะพร้าว ซึ่งเป็นวัสดุที่สามารถ ย่อยสลายได้ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ไม่ทิ้งไมโครพลาสติกลงสู่สิ่งแวดล้อม อีกทั้งยัง แห้งเร็ว ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น ป้องกันการเกิดกลิ่นหรือเชื้อรา และยังขจัดคราบได้ดีเยี่ยม เหมาะสำหรับการทำความสะอาดภาชนะทุกประเภท

ฟองน้ำรุ่นใหม่นี้สะท้อนแนวคิดที่ Bygge ตั้งใจนำเสนอ เพื่อให้ทุกบ้านสามารถทำความสะอาดได้อย่างมั่นใจโดยไม่ทำร้ายโลก ภายในงาน ผู้เข้าชมได้ร่วมกิจกรรมสุดพิเศษ ทดลองใช้และรับฟรี! Bygge Eco-friendly Sponge กลับไปใช้งานจริงที่บ้าน ได้ทั้งความสะอาดและความสบายใจจากการเลือกสิ่งที่เป็นมิตรต่อโลก

นอกจากการเปิดตัวสินค้าใหม่แล้ว Bygge ยังนำผลิตภัณฑ์ยอดนิยมมาจัดโปรโมชั่นสุดพิเศษภายในงาน เพื่อให้ทุกคนสามารถเริ่มต้นใช้ชีวิตรักษ์โลกได้ง่ายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Bygge Super Composter เครื่องย่อยเศษอาหารให้กลายเป็นดินอินทรีย์คุณภาพสูงที่ช่วยลดขยะอินทรีย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, Bygge SuperBact จุลินทรีย์เร่งการย่อยสลายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การจัดการเศษอาหารสะดวกและรวดเร็วขึ้น, และ น้ำยาอเนกประสงค์ออร์แกนิก จากน้ำหมักชีวภาพแท้ที่ปลอดภัยต่อมือและสิ่งแวดล้อม

ทุกผลิตภัณฑ์มาพร้อมราคาสุดพิเศษเฉพาะภายในงานเท่านั้น ทำให้บูธของ Bygge เต็มไปด้วยผู้เข้าชมที่ให้ความสนใจ เข้ามาทดลองใช้งานจริง และแลกเปลี่ยนแนวคิดเกี่ยวกับการจัดการขยะและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนกันอย่างอบอุ่นตลอดทั้งวัน

📌 ติดตามข่าวสารและกิจกรรมของ Bygge ได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog

Green Living ชีวิตสีเขียว ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่

ในยุคที่โลกเผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกวัน ไลฟ์สไตล์แบบ “Green Living” หรือ “การใช้ชีวิตสีเขียว” จึงกลายเป็นแนวทางที่คนรุ่นใหม่ให้ความสนใจมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเพราะอยากช่วยโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว และไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่เริ่มได้จากสิ่งเล็ก ๆ ในบ้านของเราเอง เพียงปรับพฤติกรรมเล็กน้อย ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ดีต่อทั้งสิ่งแวดล้อมและตัวเราได้พร้อมกัน


1. ติดฉนวนกันความร้อน — ลดการใช้พลังงานจากต้นเหตุ

Green Living

หลายบ้านอาจไม่รู้ว่า “ความร้อน” ที่สะสมในบ้านคือหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เราต้องเปิดเครื่องปรับอากาศตลอดทั้งวัน การติดฉนวนกันความร้อน หรือ โซลาร์เซลล์ บนหลังคาหรือผนังจึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านได้จริง โดยเฉพาะในฤดูร้อนของประเทศไทยที่อุณหภูมิสูงขึ้นทุกปี

เมื่อบ้านเย็นลงตามธรรมชาติ เครื่องปรับอากาศก็ไม่ต้องทำงานหนัก ช่วยลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและค่าไฟในระยะยาว อีกทั้งยังยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าทั้งกับกระเป๋าเงินและสิ่งแวดล้อม

2. ใช้พลังงานสะอาด — พลังจากแสงอาทิตย์และหลอดไฟ LED

Green Living

อีกหนึ่งวิธีสำคัญในการใช้ชีวิตสีเขียว คือการเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดและลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ช่วยให้บ้านผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้เองได้จากแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ไม่สร้างมลพิษ

สำหรับใครที่ยังไม่พร้อมติดโซลาร์เซลล์ การเปลี่ยนมาใช้หลอดไฟ LED ก็ถือเป็นก้าวแรกที่ดี หลอด LED ใช้พลังงานน้อยกว่าหลอดไส้ทั่วไปถึง 80% และมีอายุการใช้งานยาวนานกว่า 10 เท่า นอกจากช่วยลดค่าไฟแล้ว ยังลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาวอีกด้วย

3. ปลูกต้นไม้ในบ้าน — เติมชีวิตและอากาศบริสุทธิ์

Green Living

การปลูกต้นไม้ในบ้านไม่ใช่แค่เพื่อความสวยงาม แต่ยังช่วยฟอกอากาศและสร้างความสดชื่นให้พื้นที่อยู่อาศัยอีกด้วย ต้นไม้บางชนิด เช่น ลิ้นมังกร พลูด่าง และยางอินเดีย สามารถดูดซับสารพิษในอากาศได้จริง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความชื้นและลดอุณหภูมิในห้องได้อย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ การดูแลต้นไม้ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เติมความสงบให้ใจ และเชื่อมโยงเรากับธรรมชาติมากขึ้น เหมาะอย่างยิ่งกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการบาลานซ์ระหว่างชีวิตการทำงานและการพักผ่อน

4. ปรับโซนนั่งเล่นให้รับลมธรรมชาติ — ใช้พลังงานให้น้อยแต่ได้ความสบายมากขึ้น

Green Living

การออกแบบหรือจัดโซนนั่งเล่นให้โปร่ง โล่ง และรับลมจากธรรมชาติได้เต็มที่ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าได้มากกว่าที่คิด การเปิดหน้าต่างให้ลมถ่ายเท หรือใช้พัดลมแทนเครื่องปรับอากาศในบางช่วงเวลา จะช่วยลดการใช้พลังงานได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนั้น การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ธรรมชาติหรือวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ไม้รีไซเคิล หรือผ้าฝ้ายออร์แกนิก ก็ช่วยเพิ่มบรรยากาศอบอุ่นและกลมกลืนกับแนวคิดนี้ได้อย่างลงตัว


Green Living ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นแนวทางการใช้ชีวิตที่ช่วยให้เราสบายขึ้นและโลกดีขึ้นในเวลาเดียวกัน ทุกการเลือกเล็ก ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็นการติดฉนวนกันความร้อน เปลี่ยนหลอดไฟ ปลูกต้นไม้ หรือเปิดหน้าต่างให้ลมธรรมชาติพัดผ่าน ล้วนเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออนาคตของโลกใบนี้

เมื่อเราลองเริ่มปรับพฤติกรรมเหล่านี้ให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน จะพบว่าการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย บ้านจะเย็นขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพลังงานมาก ต้นไม้รอบตัวจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น และเราจะใช้ทรัพยากรอย่างมีสติและคุ้มค่ามากขึ้น

“ชีวิตสีเขียว” จึงไม่ใช่แค่เรื่องของการดูแลสิ่งแวดล้อม แต่ยังหมายถึงการดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้มีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ ที่บ้านของเราในวันนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าโลกที่ยั่งยืนเริ่มต้นได้จากมือของคุณเอง

📌 อ่านบล็อคของ Bygge เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และโซเชียลมีเดียของเรา:

Line OA: https://lin.ee/2HLoHLu

Facebook: https://www.facebook.com/bygge.solutions.thailand/

Instagram: https://www.instagram.com/bygge.solutions/

TikTok: https://www.tiktok.com/@bygge.solutions

Website: https://www.byggesolutions.com/blog